ตอนที่ 7
“กฤตย์เขาก็ไปเรียนต่อต่างประเทศเกือบจะในทันทีที่เสร็จพิธีศพของวรดา”
“คุณกฤตย์เขารีบหนีไปขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“จะเรียกว่าหนีหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจนะ แต่น้าก็พอเข้าใจได้ วรดาเสียชีวิตในรั้วบ้านติดกัน ถ้ากฤตย์ยังขืนอยู่ที่นั่นก็คงจะยิ่งเศร้ายิ่งทำใจได้ยาก”
“คุณกฤตย์เขาเศร้ามากหรือคะช่วงนั้น”
“ต้องเศร้าแน่ๆสิ ถ้าจะถามว่าใครสนิทกับวรดามากที่สุดก็ต้องบอกว่ากฤตย์นี่แหละ”
“แต่เราก็เห็นในข่าวทีวีออกบ่อยนะคะที่ฆาตกรตัวจริงกลายเป็นคนสนิทของเหยื่อซะเอง”
“พูดเหมือนนัทสงสัยกฤตย์เขาอย่างงั้นแหละ”
“เปล่านะคะ นัทเป็นเลขาจะไปสงสัยเจ้านายแบบนั้นได้ไง”
“จริงด้วยสินะ ถ้าคิดว่าเจ้านายเป็นฆาตกรแล้วเรายังจะเสี่ยงเป็นเลขาส่วนตัวเขาทำไม นอกซะจากว่าเราอยู่ใกล้ๆเพื่อหาโอกาสจัดการเขา”
ข้อสันนิษฐานขำๆของปิติทำให้นัทธมนเสียวสันหลังวาบก่อนเปลี่ยนเรื่องถามถึงเหตุการณ์ชกต่อยระหว่างเขากับกฤตย์เมื่อหลายปีก่อน ปิติมีสีหน้าอึดอัดแต่ก็ยอมเล่าว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด วันเกิดเหตุเขาอาสาช่วยงานวรดาที่ป่วยหนักเลยถูกกฤตย์เข้าใจผิดเพราะดันมาเห็นตอนเขาอุ้มวรดาที่เป็นลมไปนอนพัก
กฤตย์เห็นภาพนั้นตำตาและคิดว่าปิติฉวยโอกาสลวนลามวรดาจึงถลาไปต่อย ปิติในวัยนั้นก็เลือดร้อน ทั้งรักและปรารถนาในตัววรดาแต่ต้องผิดหวัง เมื่อถูกเข้าใจผิดเลยยิ่งเตลิด กว่าเหตุการณ์จะสงบ วรดา ผาณิตและแกมแก้วก็ต้องรั้งกันสุดตัวเพราะแรงผู้ชายสองคนนั้นไม่ธรรมดาเลย
“นึกย้อนไปทีไร...ทั้งกฤตย์ทั้งตัวน้าเองก็อดสมเพชตัวเองกันไม่ได้ เรายังหนุ่มยังเลือดร้อนแล้วก็ยังโง่อยู่มากๆ”
“สรุปที่ทะเลาะชกต่อยนั่นก็เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน”
“ใช่...พอย้อนกลับไปมองตอนนั้นเราสองคนก็ยังขำกัน แต่พวกผู้ใหญ่กลับไม่ขำด้วย หลังจากวันนั้นกฤตย์เขายิ่งโดนสั่งห้ามไปเหยียบที่บ้านท่านนายพลอย่างเด็ดขาด”
“งั้นก็แปลว่า...หลังจากวันนั้นคุณกฤตย์ก็ไม่ได้เจอหน้ากับวรดาอีกแล้ว”
“เขาก็คงแอบเจอกันบ้างจนได้แหละมั้ง หนุ่มสาวรักกันสวรรค์นรกก็ยังขวางไม่ได้นะ”
“โอ้โห...ขนาดนั้นเลยเหรอคะ แล้วตัวคุณน้าเองล่ะคะ ได้เจอกับวรดาอีกบ้างไหม”