ตอนที่ 12
งานรับปริญญาของปิ่นมุกผ่านไปด้วยดี ทุกคนในครอบครัวรวมทั้งรณชิตไปร่วมงานพร้อมหน้า พร้อมตา กระทั่งเสร็จสิ้นทรงวาดจึงพาปิ่นมุกไปเยี่ยมหลุมฝังศพก๊กไช้กับแปะฮ้อ
ปิ่นมุกเปิดฉากบอกคนที่รักทั้งสองด้วยรอยยิ้ม “แปะ อาไช้...อั๊วมาเยี่ยม อั๊วรับปริญญาแล้วนะ ใบประกอบโรคศิลป์ก็ผ่านแล้ว เป็นหมอเต็มตัวซะที ถ้าพวกลื้อยังอยู่ก็คงได้ดีใจกับอั๊วด้วย”
ทรงวาดเห็นปิ่นมุกน้ำตาคลอก็โอบปลอบพลางพูดกับหลุมฝังศพทั้งสอง “ปิศาจน้อยของพวกลื้อเป็นหมอรักษาคนแล้วนะ เด็กแสบที่ทะเลาะกับชาวบ้านไม่เว้น แต่ละวัน สร้างแต่เรื่องปวดหัว กลายเป็นแพทย์หญิงปิ่นมุกไปแล้ว”
ปิ่นมุกปาดน้ำตาต่อว่าเสียงเขียว “นี่เฮียนินทาอั๊วต่อหน้าเลยนะ”
“อั๊วไม่ได้นินทาซะหน่อย อั๊วอยากให้วิญญาณพวกอีภูมิใจในตัวลื้อเหมือนที่อั๊วภูมิใจต่างหาก ลื้อคิดดู... จะมีอะไรน่าภูมิใจไปกว่าเห็นเด็กดื้อร้ายกาจอย่างลื้อประสบความสำเร็จอีกล่ะ”
ทรงวาดเย้า ปิ่นมุกค้อนจนเขาต้องปะเหลาะเสียงอ่อน “ถ้าแปะกับอาไช้ยังอยู่ก็ต้องพูดเหมือนอั๊ว
ลื้อคือความภูมิใจของอั๊ว ของแปะฮ้อ ของอาไช้ ของพวกเราทุกคน ลื้อคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของอั๊วเลยนะอาจู”
พูดจบก็ดึงเธอมากอดพลางให้คำสัญญากับที่ฝังศพทั้งสอง
“แปะ อาไช้...พวกลื้อไม่ต้องห่วงนะ อั๊วจะรักปิศาจน้อยของพวกลื้อเท่าชีวิตของอั๊วเอง...”
เรื่องราวของทรงวาดกับปิ่นมุกจบลงด้วยดี ต่างจากชาญยุทธที่ยังทำใจไม่ได้กับสภาพที่ต้องกลายเป็นคนพิการ อาละวาดฟาดหัวฟาดหางจนใครก็เข้าหน้าไม่ติด มีเพียงทรงวาดที่แวะมาเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอ
“เด็กบอกว่าพี่อ้ายยังไม่ได้กินข้าวเย็นผมก็เลยเข้าครัวต้มข้าวต้มมาให้ ลองชิมสักนิดนะครับ”
“ฉันไม่หิว เอาออกไป!”
“ข้าวต้มผมอร่อยนะครับ ลูกค้าแน่นทุกวันเลย บางคนถ้ารู้ว่าผมไม่อยู่ถึงขนาดไม่กินฝีมือคนอื่นเลยนะครับ”