ตอนที่ 11
ดวินยืนกรานปฏิเสธไม่ไปฮรีสอซเพราะห่วงความรู้สึกแม่ เสาวณีคิดไว้แล้วจึงไหว้วานศักดิ์ชายให้เกลี้ยกล่อมลูกชาย ดวินแปลกใจมากที่ศักดิ์ชายเรียกตัวมาพบและพูดเรื่องอลิซ
“ที่ผ่านมาผมต้องขอบคุณในความเสียสละและความเป็นมืออาชีพของผู้พัน...ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงเจ้าหญิงอลิซ แต่ด้วยหน้าที่และแม่ของคุณทำให้คุณเลือกจะไม่ทำตามความรู้สึกของตัวเอง”
ศักดิ์ชายพูดเหมือนนั่งกลางใจ ดวินพูดไม่ออกได้แต่นิ่งฟังอย่างสงบ
“แม้ครั้งนี้คุณจะทราบดีแล้วว่าคิงเฮนรี่ไม่ได้ขอให้ผมส่งคุณไปเพราะท่านเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับพ่อของคุณ แต่ผมอยากให้คุณคิดอีกที”
“ผมไปไม่ได้ครับ ผมไม่อยากให้แม่ต้องเสียใจเป็นครั้งที่สอง”
“แต่ถ้าคุณไม่ไป...คุณก็ต้องเสียใจเหมือนกัน”
“ผมทนได้ครับ”
“แล้วถ้าเจ้าหญิงเกิดเป็นอะไรขึ้นมา คุณแน่ใจนะว่าจะไม่รู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
“ทุกวันนี้ผมอยู่กับความรู้สึกผิดทุกวินาที ไม่มีวันไหนที่ผมไม่รู้สึก แต่ผมรู้ว่าถ้าเทียบกับความเจ็บปวดของแม่ที่มีมาตลอดมันคงน้อยกว่ามาก ผมขอเลือกรับความเจ็บปวดเอาไว้คนเดียว ผมทำให้แม่เสียใจเป็นครั้งที่สองไม่ได้อีก”
“แต่นี่ไม่ใช่แค่ความต้องการของผมคนเดียว คุณเสาวณีฝากให้ผมมาพูดเรื่องนี้กับคุณ”
ดวินชะงักไม่อยากเชื่อหู ศักดิ์ชายยืนยันว่าเป็นความต้องการของเสาวณีและเล่าถึงบทสนทนาเมื่อวันก่อนตอนเธอมาขอคำปรึกษาเรื่องลูกชายคนเดียว
“แม้เจ้าหญิงจะตกอยู่ในอันตราย แต่ดวินคงไม่มีวันไปอารักขาเจ้าหญิงอลิซแน่เพราะความเห็นแก่ตัวของฉันที่เอาแต่ห้ามลูก บังคับจิตใจลูก ทำตัวเป็นเจ้าของชีวิตลูก ฉันผิดมากใช่ไหมท่านนายพล”
ศักดิ์ชายเข้าใจความรู้สึกเธอดี ปลอบเสียงอ่อน “คุณไม่ผิดหรอกคุณเสา...คนเป็นแม่ทุกคนทำทุกอย่างเพื่อลูกอยู่แล้ว ผมคิดว่าดวินเข้าใจตรงนี้ดี เขาถึงไม่ขัดใจคุณ แค่คำพูดโน้มน้าวของผมอาจจะเปลี่ยนใจดวินให้ไปอารักขาเจ้าหญิงอลิซไม่ได้ แต่ถ้าเขารับรู้และเข้าใจความรู้สึกแท้จริงของคุณ เมื่อนั้นเขาอาจจะเปลี่ยนใจ”
เสาวณีพยักหน้าเห็นด้วย “ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น...พรุ่งนี้หลังฉันออกเดินทาง ฝากคุณช่วยพูดกับดวินด้วย ฉันไม่อยากให้ลูกรู้สึกติดค้างอะไรกับฉันอีก”
คำบอกเล่าของศักดิ์ชายทำให้ดวินคิดหนัก นายพลหนุ่มใหญ่รู้ดี ไม่พยายามเร่งรัดแต่อยากเตือนสติ
“พวกเราเป็นทหาร แม่ของคุณก็เป็นทหาร ทุกครั้งที่พวกเราผ่านการปฏิบัติหน้าที่เสี่ยงอันตราย ไม่มีอะไรรับประกันได้หรอกว่าเราจะมีชีวิตรอดกลับมา แต่ผมคิดว่า การที่เราแลกชีวิตเพื่อเสียสละกับสิ่งที่มีค่าต่อส่วนรวมมันคือความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ในชีวิต”