ตอนที่ 12
“ใช่ อร่อย ไม่แพง ฉันจะทำให้นายสองห่อเลย โอเค้”
เมเดินนำขึ้นอพาร์ตเมนต์อย่างร่าเริง ยชญ์ส่ายหน้าเดินตามไปเซ็งๆอย่างไม่มีทางเลือก
พอเข้าไปในห้อง เมรีบไปทำบะหมี่สำเร็จรูปอย่างชำนาญ ครู่เดียวก็ยกมาให้ยชญ์ พอยชญ์เริ่มกินก็โซ้ยอย่างอร่อยมาก รู้สึกว่าเมมองอยู่ก็หยุดกิน ถามว่าเธออยากถามอะไรก็ถามสิ
“นายรู้ได้ไง”
“สายตาเธอบอกว่าเธอสงสัยอะไรอยู่เกี่ยวกับ ตัวฉัน”
เมพยักหน้า แล้วเริ่มถามอย่างรู้เรื่องของเขาดีว่า
“ตระกูลวิจิตรวาทินของนายก็เป็นนักดนตรีกันมาทุกรุ่นอยู่แล้ว แถมโด่งดังเป็นที่รู้จัก นายเองก็มีพรสวรรค์ทางด้านนี้ มหาวิทยาลัยรัฐบาลดังๆพร้อมที่จะอ้าแขนรับ ทำไมนายถึงมาเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนล่ะ”
“ก็เพราะมหาวิทยาลัยรัฐอ้าแขนรับง่ายๆ นั่นล่ะ ฉันถึงเลือกมาเรียนสถาบันเอกชน ที่นี่ไม่มีใครสนใจว่าฉันเป็นทายาทตระกูลวิจิตรวาทิน เขาสนแต่ทายาทตระกูลนักธุรกิจพันล้านต่างหาก”
“นายต้องการให้ทุกคนยอมรับที่ฝีมือของนาย?”
“ใช่ ฉันต้องการให้พวกเขาฟังเพลงของฉันให้จบเสียก่อนที่จะปรบมือ และอยากให้พวกเขาปรบมือเพราะรู้สึกชื่นชมในเสียงเพลงของฉัน ไม่ใช่ชื่นชมในความเป็นทายาทวิจิตรวาทิน และถ้าฉันพลาดหรือเล่นดนตรีไม่ได้ดี ฉันก็อยากให้พวกเขากล้าตำหนิฉันอย่างตรงไปตรงมาเหมือนที่ครูมาโนชเคยทำ”
ยชญ์เล่าเหตุการณ์ตอนนั้นให้ฟังว่า ตอนเรียนอยู่ปี 1 ตนสีซออย่างตั้งใจมาก ทุกเสียงโน้ตชัดเจนเปี่ยมด้วยอารมณ์ เวลานั้นครูมาโนชมานั่งฟังสีหน้าท่านทึ่งมาก พอตนเล่นจบ ครูมาโนชปรบมือชมว่า เล่นได้ดีมากทีเดียว ถามว่าเธอชื่ออะไร?
“ผมชื่อยชญ์ วิจิตรวาทิน ครับ” ครูมาโนชทวนนามสกุลแล้วถามว่าทำไมถึงอยากเรียนดนตรี ยชญ์บอกว่า “ผมรักเสียงดนตรีครับ”
“รักเองหรือเพราะคนอื่นคาดหวังให้รัก”
“ผมเล่นดนตรีเพราะอยากจะเล่นครับ และเมื่อลองเล่นแล้ว ผมก็ตกหลุมรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น”
“ครูจะรอพิสูจน์ว่าเธอพูดจริงหรือเปล่า แต่มีอย่างหนึ่งที่จะบอกให้รู้ตรงนี้ไว้เลย อย่าพยายามเป็นในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น อย่าแบกความคาดหวังของคนอื่นไว้บนบ่า เพราะเมื่อไรก็ตามที่เธอรับมันมาแบกไว้ เธอจะไม่มีโอกาสวางมือลงอีกเลยจนตลอดชีวิต”
ooooooo
เมกับยชญ์ยังคุยกันถึงเรื่องการเลือกมาเรียนทางด้านดนตรีอย่างถูกคอและเพลิดเพลิน ยชญ์บอกว่าตนไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดเลยที่มาเรียนที่นี่
“ฉันเห็นด้วย ครูมาโนชก็เป็นคนคัดเลือกฉัน ฉันยังจำคำพูดของครูในวันปฐมนิเทศได้ ครูบอกว่า ความสามารถนั้นฝึกฝนกันได้ ฝึกให้เก่งกันทุกคนก็ยังได้ แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจ มันเป็นคุณสมบัติส่วนตัว เป็นต้นทุนที่แต่ละคนมีไม่เท่ากัน และฝึกสอนกันไม่ได้ ฉันโชคดีที่ได้เจอครูและพี่โฉม”
“ใช่ เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงไม่มีทางที่จะยอมให้สาขาสังคีตศิลป์ของเราโดนยุบไปได้ง่ายๆ เราต้องช่วยกันสานฝันของครูมาโนชและพี่โฉมให้สำเร็จ ตกลงไหม”
ยชญ์คีบบะหมี่ในชามยื่นออกมาตรงหน้า เมคีบบะหมี่ของตนยื่นออกไปแตะกับยชญ์ ตอบหนักแน่น
“ตกลง”