ตอนที่ 12
เมื่อต้องถูกเมกับยชญ์จับมั่นคั้นตาย ต้องจำต้องยอมรับ รีบขอโทษบอกว่าตนไม่ได้ตั้งใจ เมถามว่าเอาไปขายให้ใคร ต้องบอกว่าตนรู้แค่ว่าเขาชื่อพี่ยุทธ ยชญ์ถามว่าเขาเป็นใคร
“เขามาด้อมๆมองๆที่คณะเราตอนที่มีเรื่องแพรตาย ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าแพรตายเพราะอาถรรพณ์เพลงท่วมธรณี คิดว่าเขาอยากได้โน้ตเพลงก็ไม่เห็นแปลก แถมได้เงินก็เลยขายเขาไป”
ต้องเล่าว่า แต่พอตนได้ยินเมกับมิ่งคุยกันเรื่องอาถรรพณ์ของเพลง ตนกลัวจะเกิดปัญหาใหญ่เลยบอกมิ่งไปว่าโน้ตเพลงถูกขโมยไป เมถามว่าทำไมไม่เอาโน้ตเพลงมาคืน
“ก็ฉันไม่รู้จะติดต่อพี่เขายังไง อีกอย่างหนึ่งเงินที่ฉันเอาของเขามาก็ใช้หมดแล้ว”
ยชญ์สงสัยว่าน่าจะเป็นพวกที่ทำรายการประเภทท้าทายผี พวกนี้เคยมาติดต่อตนเหมือนกันแต่ตนปฏิเสธไป
“ถ้าอย่างนั้นยุ่งแน่ เพราะอาถรรพณ์ของเพลงยังไม่ได้ถูกทำลาย” เมกังวลมาก
“ใช่ เราต้องรีบหาตัวคนที่เอาไปและหาโน้ตเพลงให้ได้ก่อนที่จะเกิดเรื่อง”
“แล้วเราจะทำยังไงดี”
ต้องฟังทั้งสองคุยกันแล้วหน้าเสีย
ooooooo
เทิดยังติดใจสงสัยเรื่องพุกกับดวง เมื่ออยู่กันลำพังจึงถามพุกว่าทุกวันนี้ยังรักแม่ดวงอยู่ใช่ไหม
“ฉันยอมรับว่าฉันรักแม่ดวงอยู่ แต่ฉันก็ตัดใจได้แล้ว เพราะตอนนี้ฉันรู้อยู่เต็มอกว่าแม่ดวงรักพี่เทิดไม่ได้รักฉันอีกแล้ว” เทิดถามว่าทำไมเอ็งคิดแบบนั้น “ตอนที่แม่ดวง ไอ้กล้ากับนังวันหนีไปอยู่ที่อัมพวา ฉันเคยไปพบแม่ดวงครั้งหนึ่ง...”
หลังจากคุยกับกล้าแล้ว พุกเดินออกมามองหาดวง เห็นดวงนั่งร้องไห้ที่แคร่ใต้ต้นไม้อยู่เงียบๆ พุกจึงเดินไปหา ดวงรีบเช็ดน้ำตาถามว่าคุยกับพ่อกล้าเสร็จแล้วรึ พุกพยักหน้า บอกดวงว่า
“ฉันอยากจะขอโทษแม่ดวงที่ทำให้เรื่องทั้งหมดมันวุ่นวายและบานปลายใหญ่โตไปขนาดนี้”
“พ่อพุกไม่ได้เป็นคนผิดดอก อย่าโทษตัวเองเลย”
“ผิดสิ...ที่ฉันแกล้งจำแม่ดวงไม่ได้ เพราะเข้าใจผิดว่าแม่ดวงคงมีคนอื่นจนมีลูกด้วยกันไปแล้ว”
“เรื่องในอดีตฉันอยากให้พ่อพุกลืมเสียเถอะ เราสองคนคงไม่ใช่เนื้อคู่กัน ตอนนี้ตัวฉันก็เป็นเมียพี่เทิดแล้ว ก็จะขอซื่อสัตย์ต่อพี่เทิดเพียงคนเดียว”
พุกอึ้ง ดวงพูดต่ออย่างเด็ดเดี่ยวต่อไปว่า
“ฉันจะกลับไปขอโทษพี่เทิดหลังจากที่พ่อกล้าแต่งงานกับแม่วันแล้ว พี่เทิดคงเข้าใจว่าฉันกับพ่อกล้าไม่ได้มีอะไรต่อกัน”
พุกถามว่าดวงต้องการให้เป็นอย่างนั้นหรือ
“จ้ะ ฉันขอรอเวลาให้พี่เทิดใจเย็นลง แต่ถ้าถึงวันนั้น พี่เทิดยังไม่ให้อภัย ฉันก็จะยอมรับชะตากรรมของตัวเอง แต่สำหรับเรื่องฉันกับพ่อพุกนั้น ขอให้ถือเสียว่าเราต่างไม่มีวาสนาต่อกัน”
พูดแล้วดวงเดินกลับไปในเรือน พุกได้แต่ยืนนิ่ง เศร้าและเสียใจมาก
เมื่อเทิดฟังพุกเล่าการพูดคุยกับดวงแล้วก็น้ำตาไหล พูดอย่างรู้สึกผิดว่า
“ข้าช่างโชคดีนักที่ได้ดวงแก้วไว้ในเรือน แต่เพราะความขาดสติ รักมากจึงหึงหวงมาก จนคิดอัปปรีย์จัญไรไปได้ ทั้งที่ใครต่อใครก็พากันเตือนสติข้า”
“อย่าโทษตัวเองอีกเลยพี่เทิด ใครที่เห็นภาพไอ้กล้ากับแม่ดวงแบบนั้นก็ต้องเข้าใจผิดทุกคน”