ตอนที่ 1
ผาณิตาไม่รู้ตัวว่าขับรถเฉี่ยวมอเตอร์ไซค์ของเหมันต์เพราะใส่หูฟังเพลง เมื่อคู่กรณีหนุ่มตามไปดักหน้าก็โมโห
“นายตั้งใจสะกดรอยตามฉันหรือไง หรือว่าเปลี่ยนใจอยากได้เงิน...ช้าไปแล้วล่ะ”
“คุณเฉี่ยวรถผมล้มควรจะจอดรถลงมาดูถึงจะถูกนะครับ ไม่ใช่ทำผิดแล้วหนีอย่างนี้”
“น่าขำ...ถ้าชนจริงมีหรือฉันจะไม่รู้ ถอยรถนายออกไป ไม่อย่างนั้นฉันจะชนจริงๆให้ดู”
แขวะจบก็ขึ้นรถ เหมันต์ไม่ยอมรั้งไว้เลยถูกเธอแหว
“นี่นาย! กล้าดียังไง อยากให้เรียกตำรวจเหรอ”
“เรียกเลยครับ ผมจะให้ตำรวจดูหลักฐานที่ไฟหน้ารถผมกับกันชนรถคุณ พิสูจน์ไม่ยากหรอกครับ”
เหมันต์ลากเธอไปดูรอยถลอกที่กันชนรถเธอ
ผาณิตาหน้าเจื่อนจำได้ขึ้นมาเลาๆว่าตัวเองใส่หูฟังจึงไม่ได้ยินเสียง แต่ทิฐิก็ทำให้เธอไม่สำนึกควักกระเป๋าสตางค์มาหยิบเงินให้คู่กรณีหนุ่ม
“คงพอค่าซ่อมนะ”
“แสดงว่าคุณยอมรับว่าชนรถผม”
“รถฉันก็ถลอกไม่น้อยนะ รับเงินแล้วก็จบกันง่ายๆดีไหม”
“ที่ผมตามคุณมาไม่ได้อยากได้เงินแต่ต้องการคำขอโทษ”
“คำขอโทษแค่นั้นจริงๆเหรอ คำนี้มันคงเอาไปซ่อมรถได้สินะ”
“อย่าคิดว่าตัวเองใหญ่โตคับฟ้า คิดจะเอาอำนาจเงินมาข่มเหงใครก็ได้ คนเราทำผิดถ้ารู้สึกผิดจริง
ก็ควรเอ่ยคำขอโทษสักคำ ไม่ใช่เอาเงินฟาดหัวคนอื่น วิธีนี้เขาไม่เรียกว่าสำนึกผิดแต่เขาเรียกว่าปัดสวะให้พ้นๆ”
ผาณิตาผงะเมื่อเจอคำพูดยาวเหยียดของคู่กรณีหนุ่ม สำนึกผิดชอบชั่วดีค่อยๆทำให้เธอคิดได้แต่ก็อดกระแนะกระแหนตามประสาคนฟอร์มจัดไม่ได้
“นายรองเท้า...ฉันแค่เฉี่ยวมอเตอร์ไซค์นาย ไม่ได้ฆ่าคนตายสักหน่อย คำพูดนายไม่เกินไปหน่อยเหรอ หรือชีวิตมีปมด้อยเคยโดนชนแล้วหนีถึงได้เป็นเดือดเป็นแค้นเกินกว่าเหตุ”
เหมันต์ชะงักเพราะโดนสะกิดปมฝังใจ สวนเสียงเข้ม “พ่อผม...โดนชนแล้วหนี ถ้าคนขับมันมีสำนึกดีช่วยพาส่งโรงพยาบาลทันเวลา พ่อผมคงไม่ต้องนั่งรถเข็นตลอดชีวิต...ก็เหมือนคุณนั่นแหละขาดสำนึกความรับผิดชอบ!”
ooooooo
เหมันต์ฉุนขาดขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจจากไปแล้ว ทิ้งผาณิตาหรือน้ำตาลให้รู้สึกผิดเพราะทำตัวไร้สามัญสำนึก กระนั้นความทุกข์ใจก็อยู่กับเธอไม่นานเมื่อกลับถึงบริษัทแล้วพบว่าทศนาถมานั่งรอที่ห้อง
ทศนาถตั้งใจมาต่อว่าผาณิตาที่ทำให้ตนหน้าแตกกลางสถานีเพราะเหมันต์พยานสำคัญไม่กลับคำให้การ ทัศนัยไม่อยากให้เรื่องถึงหูเหมทอง ตามมาขวางแถมยุให้ลูกชายชวนหลานสาวไปกินข้าวตอบแทนน้ำใจ ทศนาถไม่เต็มใจนักแต่ต้องอดใจรอจนอยู่ตามลำพังกับพ่อ ถึงโพล่งอย่างเหลืออด