ตอนที่ 13
“น้องเชื่อว่าคนเราถ้ารักกัน อย่างอื่นก็ไม่สำคัญ”
“น้องอย่าฝันไปเลยว่าน้องจะได้แต่งงานกับมัน ยังไงเราสองคนก็ต้องแต่งงานกัน”
เจ้าจ้อยพูดไม่ออก สีหน้าท่าทีอึดอัดใจมาก
ooooooo
ที่น้ำตก พสุกับยุพราชยังคงต่อสู้กันด้วยมีด ส่วนพวกหาญแลงก็ยังจับตามองเพื่อหาจังหวะสังหารทั้งคู่ โดยไม่รู้ว่ายุพราชนั้นไหวตัวแล้ว และหาโอกาสกระซิบบอกพสุให้รู้ตัวด้วย
“ในป่ามีผู้ชายอยู่สามคนพร้อมที่จะยิงแก”
“ใครใช้แกมา เจ้าขุนแสงเรืองใช่ไหม”
ยุพราชไม่ตอบ แทงพสุแล้วถีบตกลงไปยังน้ำตกเบื้องล่าง หาญแลงเห็นดังนั้นก็ตะโกนสั่งลูกน้องให้ยิงมัน!
เสียงปืนดังเปรี้ยง! ยุพราชหล่นตามพสุไป
อีกคน พวกหาญแลงออกจากที่ซ่อนวิ่งมาดูผลงาน
เห็นเลือดสดๆ แดงฉานเปรอะก้อนหิน เข้าใจว่าทั้งคู่ตายแน่ จึงพากันกลับไปอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง หารู้ไม่ว่ายุพราชวางแผนแก้เกมเอาไว้แล้ว...
ส่วนที่สวนสาธารณะ เจ้าจ้อยกำลังโมโหเจ้าขุนแสงเรืองที่รบเร้าเรื่องแต่งงานแล้วยังก้าวล่วงไปถึงเจ้าหลวง
“น้องคิดจะปัดความรับผิดชอบหรือ”
“เจ้าพี่พูดดีๆนะ น้องต้องรับผิดชอบอะไร”
“ก็เรื่องที่เจ้าพ่อของน้องมาแย่งสิ่งที่ควรจะเป็นของพ่อของพี่ไง ทั้งตำแหน่งเจ้าหลวง ทั้งทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด มันควรจะเป็นของพ่อพี่ แต่จู่ๆพ่อของน้องก็มาชุบมือเปิบไป”
“เจ้าพ่อของน้องไม่เคยอยากเป็นเจ้าหลวง แต่จำเป็นต้องรับเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง”
“แต่เจ้าพ่อของน้องสัญญาแล้วว่าจะให้น้องแต่งงานกับพี่ เพื่อเป็นการล้างบาปที่แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเจ้าแม่กับพี่”
“ถึงน้องไม่แต่งกับเจ้าพี่ เจ้าพ่อก็สามารถดูแลเจ้าป้ากับเจ้าพี่ให้สุขสบายไปทั้งชาติได้นะเจ้าค่า”
“มันจะไปเหมือนกันได้ยังไง น้องต้องเป็นเมียพี่เท่านั้น มันถึงจะทดแทนกันได้”
เจ้าขุนแสงเรืองใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ดึงเจ้าจ้อยเข้ามากอดและจะปลุกปล้ำ ขณะที่ปากก็พร่ำพูดว่าไม่ยอมให้เธอตกเป็นของพสุอย่างเด็ดขาด เจ้าจ้อยโกรธมากทั้งผลักและทุบตีก่อนจะวิ่งหนี แต่ก็โดนเขาตามมาฉุดกระชาก
เจ้าจ้อยดิ้นรนสุดฤทธิ์ ตบหน้าแล้วผลักเขาล้มก่อนจะวิ่งหนีไปได้ ทิ้งให้เจ้าขุนแสงเรืองนั่งก้น
จ้ำเบ้า หงุดหงิดเจ็บใจอยู่ตรงนั้น...
ทางพสุที่ตกลงมาจากผาน้ำตก ร่างเขาไปโผล่ที่ปลายลำธารและได้รับความช่วยเหลือจาก
เผ่าเทพกับตำรวจอีกสองคน
“แกตามมาที่นี่ได้ไงวะ” พสุถามเผ่าเทพ
“ฉันกลับไปที่โรงพยาบาล เจอคุณอ่อนคำบอกว่าแกมาที่นี่ ฉันไม่ไว้ใจก็เลยรีบตามมา นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ แกถึงได้ลอยตามน้ำมาแบบนี้”
“เรื่องมันยาว ไว้เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
“แล้วเจ้าจ้อยล่ะ”