ตอนที่ 13
พสุมาถึงบริเวณผาน้ำตกด้วยความร้อนใจ ตะโกนเรียกเจ้าจ้อยลั่นไปแต่ไม่มีเสียงตอบรับหรือความเคลื่อนไหวใดๆ สงสัยว่าเจ้าขุนแสงเรืองพาเธอไปไหนกันแน่
ขณะที่พสุวิ่งพล่านไปถึงริมน้ำตก เสียงยุพราชดังขึ้นจากด้านหลัง
“มองหาใครอยู่เหรอเพื่อน ไม่สิ ฉันพูดผิดไป จริงๆฉันต้องถามแกว่ามองหาใครอยู่เหรอ...อดีตเพื่อน”
“ยุพราช แกมาที่นี่ได้ยังไง แล้วเจ้าขุนแสงเรืองกับเจ้าจ้อยอยู่ที่ไหน”
ยุพราชยิ้มเหี้ยมไม่ตอบคำถามนั้น แต่พสุก็คาดเดาได้ไม่ยาก
“นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ แกกับเจ้าขุนแสงเรืองร่วมมือกันหลอกล่อฉันมาที่นี่ใช่ไหม”
“เพิ่งจะมาฉลาดก็ตอนนี้เหรอไอ้พสุ”
“ฉันไม่นึกเลยว่าแกจะเล่นวิธีสกปรกแบบนี้ แกไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือไง”
“ฉันทำได้ทุกอย่าง ถ้ามันจะทำให้ฉันเอาชนะแกได้”
“ฉันผิดหวังจริงๆ ฉันเคยคิดมาตลอดว่าอย่างน้อยแกน่าจะกลับตัวกลับใจ คิดได้และกลับมาเป็นกำลังสำคัญในการกู้บ้านเมืองอีกครั้ง”
“ไม่ต้องพูดมาก วันนี้เป็นวันชี้ชะตา แกกับฉันต้องสู้กันจนถึงที่สุด หยิบมีดของแกออกมา”
ยุพราชชักมีดคูกรีของตัวเองออกมา พสุเคร่งเครียดไม่อยากสู้กับเพื่อน แต่จำต้องทำตามเพื่อป้องกันตัว สองหนุ่มต่อสู้กันด้วยมีดท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของนักเลงสามคนนำโดยหาญแลงที่เจ้าขุนแสงเรืองจ้างมาให้ตลบหลังฆ่ายุพราชหลังจากเขาฆ่าพสุได้แล้ว
เวลาเดียวกันนั้นเจ้าขุนแสงเรืองพาเจ้าจ้อยไปที่สวนสาธารณะ อ้างว่าที่นี่บรรยากาศดีกว่าน้ำตกเลยเปลี่ยนใจกะทันหัน เจ้าจ้อยเริ่มระแวง พอได้ยินเขาพูดเรื่องอนาคตหลังจากแต่งงานก็ยิ่งไม่ไว้ใจ
“พี่คิดๆไว้บ้างแล้วนะว่าพอเราแต่งงาน เราก็จะย้ายไปอยู่อเมริกาด้วยกัน มีลูกด้วยกันสักสามสี่คนน่าจะพอ”
“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่า ทำไมเราต้องย้ายไปอยู่อเมริกาด้วย”
“อ้าว ก็คุณตาของน้องทำธุรกิจอยู่ที่นั่น เราก็ต้องย้ายไปอยู่ที่นั่นสิ”
“แต่บ้านเกิดเมืองนอนของเฮาคือเมืองจาย”
“เมืองจายถูกทหารซาอูยึดไปแล้ว”
“เราถึงต้องกลับไปกอบกู้บ้านเมืองของเรากลับมา เราจะหนีไปเสวยสุขคนเดียวได้ยังไง”
“เสียเวลาเปล่า ยังไงเราก็เอาชนะทหารซาอูไม่ได้หรอก สู้เราเอาเงินที่มีอยู่ไปใช้หาความสุขใส่ตัวดีกว่า”
“ความคิดของเจ้าพี่กับน้องไม่เหมือนกันเลยสักนิด ถ้าเราแต่งงานกันไปจะมีความสุขได้หรือ”
“แล้วน้องคิดว่าถ้าแต่งงานกับไอ้พสุแล้วน้องจะมีความสุขได้หรือ”