ตอนที่ 11
ทรงวาดมีหัวการค้าและมองเห็นโอกาสหากปิ่นมุกนำกำไรจากร้านข้าวต้มไปลงทุนซื้อที่ดินและทำตึกแถวให้เช่า วิสูตรได้เห็นและได้ยินสิ่งที่ทรงวาดคิดก็อดเปรียบเทียบกับชาญยุทธไม่ได้
“นายพันเดชรุกหนักขึ้นทุกที อิทธิพลเราก็เสื่อมลงเรื่อยๆจน...จะกลายเป็นแค่คนรวยธรรมดาอยู่แล้ว”
“ผมว่าพี่อ้ายดื้อรั้นเองด้วยล่ะครับ ตั้งแต่ที่กลุ่มต่างๆเลือกไปเข้ากับทางพันเดชก็บอกลางแพ้แล้ว ถ้าถอยตอนนั้นก็คงไม่เสียหายมากเหมือนตอนนี้”
“ไม่มีใครเข้าใจคุณอ้ายดีเท่าคุณเสือเลยนะครับ ถ้าวันนึงไม่มีผมแล้วคุณกลับไปหาคุณอ้ายก็คงจะดี”
“ไม่มีวันนั้นหรอกครับ ผมออกมาแล้วจะไม่กลับไปอีก”
“คุณเสือไม่ห่วงคุณอ้ายเลยเหรอครับ ถึงคุณอ้ายไม่บอกแต่ผมรู้ว่าคุณอ้ายยังรักแล้วก็คิดถึงคุณเสือเสมอ”
วิสูตรเป็นห่วงชาญยุทธอยากให้ทรงวาดไปช่วยแต่ทรงวาดปฏิเสธเพราะไม่อยากไปเดินทางเดิมอีก...
ooooooo
ปิ่นมุกเห็นวิสูตรมาหาทรงวาดก็ไม่ไว้ใจ กลัวเถ้าแก่หนุ่มจะหวนหาพี่ชายบุญธรรม ทรงวาดเข้าใจความกังวลใจของเธอ ดึงมากอดและปลอบให้คลายใจ
“อั๊วไม่ไปอีกแล้ว จะต้องให้อั๊วพูดอีกกี่ครั้งลื้อถึงจะมั่นใจ คนที่รักอั๊วและอั๊วรักอยู่ที่นี่ อั๊วจะไปทำไม”
ทรงวาดเลือกมีชีวิตสงบสุขล้อมหน้าล้อมหลังด้วยทุกคนที่รัก ทุกอย่างปกติดีกระทั่งก๊กไช้รับปริญญาสำเร็จการศึกษาได้เป็นทนายความเต็มตัว ทุกคนในบ้านปลื้มใจมากปิดร้านข้าวต้มฉลอง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ต่างจากสถานการณ์ของชาญยุทธที่เครียดจัดเพราะเหล่าลูกน้องลาออกไปอยู่กับพันเดช
ชาญยุทธหัวเสียมาก ประกาศกร้าวกับวิสูตร
“ถ้ามันกล้าไปก็ฆ่ามันทิ้งซะเลย คนอื่นจะได้ไม่เอาเยี่ยงอย่าง”
“ไม่ได้หรอกครับคุณอ้าย คนที่จะตีตัวออกห่างไม่ได้มีแค่คนเดียวแต่มีเป็นสิบ จะให้ฆ่าหมดก็ไม่ไหวหรอกครับ”
“ทำไมวะ ฉันเลี้ยงพวกมันไม่อิ่มรึไงถึงทิ้งฉันไปหาไอ้พันเดช”
“เราไม่มีงานใหญ่มานาน อิทธิพลก็น้อยลงทุกที ถ้าเงินได้เท่ากันแต่มีทางไปได้ไกลกว่า เป็นใครก็ไปครับ”
“งั้นก็ต้องกำจัดไอ้พันเดช ชีวิตเดียวจบทุกปัญหา”