ตอนที่ 11
ชาญยุทธตัดขาดทรงวาดรวมทั้งอรุณรุ่งที่ปฏิเสธไมตรีจากเขาอย่างเย็นชา พันเดชสบช่องจะดึงทรงวาดมาเป็นพวก ฤทธิ์อิจฉาทรงวาดคิดแผนทดสอบความสามารถด้วยการลอบทำร้ายอีกฝ่ายระหว่างที่กำลังปิดบัญชีร้านข้าวต้ม
ทรงวาดป้องกันตัวเองได้ดีเป็นที่ประทับใจ
พันเดชมากจึงเปิดฉากเจรจา ปิ่นมุกกับทิเหล็งไม่อยากให้ทรงวาดอยู่ตามลำพังกับพวกพันเดชจะอยู่เป็นเพื่อนแต่ทรงวาดก็ไล่ทั้งสองออกไป
พันเดชยิ้มเยาะชอบใจเอ่ยกับทรงวาด “ขอบใจนะที่ไว้ใจฉัน”
“ถ้าคุณอยากจะฆ่าผมเมื่อกี้คงยิงทิ้งไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกครับ”
“ที่จริงฉันก็ไม่ได้สงสัยอะไรแกหรอก แต่ฤทธิ์มันอยากทดสอบดูก่อนว่าแกยังใช้การได้อยู่ไหม”
“ทดสอบ...คุณคงไม่ได้คิดจะดึงผมไปเป็นพวกหรอกนะครับ”
“ฉันชอบฝีมือแล้วก็ความฉลาดของแก ยังไงตอนนี้แกกับไอ้ชาญยุทธก็จบกันแล้วไม่ใช่เหรอ มันเฉดหัวแกทิ้งแถมยังยึดทรัพย์สมบัติแกไปจนหมด แกไม่คิดจะเอาคืนเลยรึไง”
“ผมไม่ได้ความจำเสื่อม คุณอยู่เบื้องหลังการตายของอาเจ็กผม”
พันเดชยักไหล่ไม่ยี่หระ “จะสนใจทำไม คนตายก็คือคนตาย มองที่ผลประโยชน์ที่แกจะได้จากฉันดีกว่า ฉันจะให้แกมากกว่าที่ไอ้ชาญยุทธเอาไปเป็นร้อยเท่า!”
ทรงวาดไม่ลังเลจะปฏิเสธข้อเสนอของพันเดชเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแค่อยากหยั่งเชิง หากเขาตอบรับก็ดีแต่หากหวนหาชาญยุทธทุกคนในตึกหกห้องจะมีอันตราย ปิ่นมุกโล่งใจมากแต่ไม่วายกังวล
“ถ้าอย่างนั้นเฮียจะทำยังไงล่ะ”
“อั๊วก็ไม่กลับไปสิ อั๊วไม่เลือกใครทั้งนั้น ใครอยากจะชิงอำนาจแก่งแย่งกันก็ทำไป อั๊วจะไม่ยุ่งด้วยอีกแล้ว”
“ได้ยินเฮียพูดยังงี้อั๊วค่อยสบายใจ อั๊วกลัวว่าเฮียจะอดเห็นแก่พี่ชายเฮียไม่ได้แล้วเฮียจะกลับไปช่วยเขาอีก”
“อย่ากลัวไปเลยอาจู ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นช่วงชีวิตที่อั๊วมีความสุขมากที่สุด ชีวิตที่มีลื้อมีทุกคนที่อั๊วรักอยู่กับอั๊ว แล้วอั๊วจะทิ้งความสุขเพื่อกลับไปทนทุกข์เหมือนเมื่อก่อนอีกทำไม”
“แล้วความแค้นที่อาเจ็กเฮียถูกฆ่าล่ะ”
“อั๊วไม่มีวันลืมแต่อั๊วเลือกจะให้อภัยแทนการล้างแค้น”
ปิ่นมุกฟังแล้วปลื้มโถมตัวกอดเขาแน่น...มั่นใจที่สุดจะฝากชีวิตกับเขาได้
ooooooo