ตอนที่ 14
“มิใช่ระวังแต่ต้องกำจัดให้สิ้นไป คืออ้ายพระยาวิไชยเยนทร์แลมิใช่มันผู้เดียว อ้ายฝรั่งเศสทั้งปวงด้วย ต้องไม่มีอยู่ในอยุธยาอีกต่อไป” พระเพทราชาเข่นเขี้ยว...
วันต่อมา ออกญาโหราธิบดีมีสีหน้าเศร้าหมอง เล่าให้คุณหญิงจำปาฟังว่าเมื่อคืนฝันถึงลูกชาย...จมื่นศรีมากราบแทบเท้าบอกว่าคิดถึงเหลือเกิน แล้ววางแหวนพระราชทานวงหนึ่งกับโคลงบทหนึ่งลงบนมือตน เกศสุรางค์ได้ยินก็ฉุกคิดถึงศรีปราชญ์กับโคลงที่ว่า
“แหวนนี้ท่านได้แต่ใดมา เจ้าพิภพโลกา ท่านให้...” คิดแล้วใจหายเงยหน้ามอง
คุณหญิงจำปารำพึงเบาๆน้ำตาปริ่มเมื่อฟังคำโคลงที่ว่า...เราผิดท่านประหาร...เกศสุรางค์ได้ยินนำเรื่องนี้มาถามพระศรีวิสารสุนทร เขาเล่าว่า
“เจ้าคุณพ่อท่านเคยดูดวงชะตาพี่ศรีไว้ว่าจะถึงฆาตตั้งแต่ยังไม่แก่ คุณแม่คงรู้แล้วด้วยญาณบางอย่างที่พี่ศรีมาหาคุณพ่อ”
เกศสุรางค์รู้เรื่องราวของศรีปราชญ์ บ่นเสียดายเผลอรำพึงออกมาว่า “พระมหากษัตริย์เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ อยู่ใกล้ก็รังแต่จะรุ่มร้อน แลแผดเผาตัวเองให้มอดไหม้ หากอยู่ไกลก็จักพลอยหนาวเหน็บไม่สบายกาย” พอเห็นสายตาพระศรีวิสารสุนทรฉงนก็เฉไฉว่าสงสาร...
ไม่นานอาการออกญาโหราธิบดีทรุดลง ชีพจรเต้นอ่อนจนทุกคนทำใจ นิมนต์พระมาสวดมนต์ให้ดวงจิตสงบ หลวงเรืองณรงค์เดชากับจันทร์วาดมาเยี่ยม ออกญาโหราธิบดีสั่งเสียให้พระศรีวิสารสุนทรดูแลเมียบ่าวและลูกๆของตนตามสมควร ชื่นชมคุณหญิงจำปาว่าเป็นเมียที่เลิศด้วยพรหมวิหารสี่ ขอให้ดำรงตนเช่นนี้ต่อไป ส่วนการะเกดขอให้อยู่ดีมีสุข มิต้องกลับไปที่ไหนอีก
ทุกคนน้ำตานองหน้า ออกญาโหราธิบดีจากไปอย่างสงบ จันทร์วาดปลอบใจการะเกดและถามว่าท่านป่วยเป็นอะไร เกศสุรางค์คาดคะเนอย่างลืมตัว
“ข้าว่าอาการอย่างนี้โรคหัวใจ น่าจะความดันตกเพราะเส้นเลือดหัวใจอาจตีบ หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะก็จะมีช่วงหยุดเต้น หรือไม่อาจจะไขมันในเส้นเลือดสูงทำให้...” พลันเห็นหน้าจันทร์วาดงุนงง ก็สรุปความ “โรคหัวใจเป็นภัยเงียบ ไปเร็วเสมอ ไม่ทรมาน”
“ข้าฟังออเจ้าพูดไม่รู้ความเลยแม่การะเกด ออกญาท่านเป็นอะไรตาย”
“ถึงตอนนี้ข้าไม่รู้หรอกแม่จันทร์วาด” คำตอบนี้เล่นเอาจันทร์วาดงงหนักเข้าไปอีก
ooooooo
ขณะเดียวกัน ขุนหลวงรู้องค์ว่าป่วยครั้งนี้หนักหนา จึงสั่งเสียพระปีย์ให้ระวังตัวเพราะจะไม่มีใครคุ้มหัว...
เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ดึงพระปีย์มาถามว่าพร้อมจะเป็นขุนหลวงหรือยัง ตนจะได้ดำเนินการ พระปีย์หวั่นใจประชาชนจะต่อต้าน เพราะเจ้าฟ้าอภัยทศกับเจ้าฟ้าน้อยมีสิทธิ์ยิ่งกว่า เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์คิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลง กังวลแต่พระเพทราชากับลูกกำลังทำอะไร
พระเพทราชากับหลวงสรศักดิ์ชุมนุมกับกลุ่มขุนนางที่ร่วมขบวนการในโบสถ์แห่งหนึ่ง มีพระสังฆราชนั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วกล่าวเสียงก้องกังวาน
“คนไทยแปลว่าอิสระ เมืองไทยคือเมืองอิสระ กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองพุทธและเป็นเมืองที่ตีให้พ่าย... ไม่ได้”...