ตอนที่ 14
“ออกพระท่านอย่าได้ดูขุนหลวงผิดไป ทรงโปรดความเฉลียวฉลาดแต่มิได้ทรงโปรดความเจ้าเล่ห์มากกลหรอกหนา...อย่าห่วงมากนักเลย พ่อเดื่อเป็นลูกผู้ใดเราก็รู้แก่ใจ”
เกศสุรางค์และพระศรีวิสารสุนทรเดินมาส่งอาจารย์ชีปะขาวที่ท่าน้ำ ท่านอาจารย์มองข้อมือเกศสุรางค์แล้วย้ำว่าอย่าถอดด้ายฟั่นที่ตนให้ นางรับคำแต่อดไม่ได้ที่จะถาม
“ท่านอาจารย์จะไปจริงๆหรือเจ้าคะ...ท่านรู้ใช่ไหมเจ้าคะว่าอะไรจะเกิด”
“ข้าบอกแล้วอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด...ออเจ้าจักวุ่นวายใจไปไย มิต้องกลัวดอก คุณพี่ของออเจ้ามิเป็น
อันใดไปง่ายๆดอกหนา มีนะหน้าทองนะเมตตาติดตัวมาตั้งแต่เกิด มิว่าผู้ใดก็ล้วนเมตตาเอ็นดู ศัตรูคิดทำลาย
ก็ยังมิได้ ได้คู่เป็นออเจ้าแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ภัยร้ายกรายมา ออเจ้ายังดึงชีวิตกลับคืนมาได้นี่หนา ถึงจักเป็นความเล่าลือไปทั่วคุ้งก็เถิด”
“ข้าอยากถามเรื่องที่ข้ามาจากที่โน่นมาถึงที่นี่”
“ชายผู้นั้นบวชเพื่อเจ้าแลด้วยความรักที่เขามีต่อเจ้า รวมกับความต้องการอย่างแรงกล้าของแม่หญิงการะเกดน้องสาวที่อยากให้ออเจ้าช่วย แลความศักดิ์สิทธิ์ของมนต์กฤษณะกาลีประกอบกัน จึงเป็นแรงผลักดันให้ออเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างที่เติบใหญ่ของแม่หญิงผู้นี้ เมื่อสี่ปีที่แล้ว”
เกศสุรางค์ตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าเรืองฤทธิ์บวชเพื่อส่งตนมา พระศรีวิสารสุนทรฟังแล้วสะเทือนใจเดินห่างออกไปไม่อยากฟังต่อ อาจารย์ชีปะขาวตอบเบาๆว่า
“บุพเพสันนิวาสชักนำเจ้ามา...ภพนี้เจ้าจากไปตั้งแต่ยังมิรู้ความ เจ้าจึงต้องกลับมาเพื่อครองคู่กับคนที่พบเจอกันทุกชาติ แม้มีกรรมมาแทรกแต่ไม่อาจแยกจากกันแต่อย่างใด”
“เพราะบุพเพสันนิวาส...อ๋อ...เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เขาบวชเพื่อส่งข้ามา ให้มาพบเขาใช่ไหมเจ้าคะ”
อาจารย์ชีปะขาวพยักหน้าก่อนจะลงเรือกลับไป
เกศสุรางค์เดินกลับเรือน พระศรีวิสารสุนทรเดินเคียงเงียบๆ สักพักถามว่าชายผู้ใด หญิงสาวหันมาเผชิญหน้า ตอบว่าชื่อเรืองฤทธิ์เป็นเพื่อน พระศรี–วิสารสุนทรข่มความหึงหวงคิดว่าต้องมีอะไรมากกว่าเพื่อนถึงได้บวชเพื่อให้เธอมาอยู่ที่นี่ เกศสุรางค์พยักหน้ารับ แอบยิ้มสมใจ
“หน้าเรืองฤทธิ์เหมือนพ่อเรืองสิหนา ออเจ้าจึงได้มีทีท่าประหลาดต่อพ่อเรือง ทั้งยังดูสนิทสนมได้ง่ายดายนัก เพราะชื่อเหมือนแลหน้าเหมือนใช่ฤาไม่”
“ฉลาดจังเลย...”
“เขารักเจ้าฤา”
“ถูก...บอกรักข้าแล้วด้วย” เกศสุรางค์หวังจะเห็นพระศรีวิสารสุนทรหึงจนลมออกหู แต่เขากลับนิ่งเฉย “ไม่โกรธหรือเจ้าคะ ไม่หึงสักนิดเลยหรือ”
“หึงหวงอันใด ที่ข้าได้ยินเมื่อครู่ออเจ้าตายจากที่นั่นแล้วมาเกิดใหม่ที่นี่ ถึงยังไรก็กลับไปไม่ได้ เขากับเจ้าก็เท่ากับจากกันตลอดกาลมิมีวันพบเจอกันได้อีก แล้วข้าจักหึงไปไยให้อายผีป่าผีไพรผีบ้านผีเรือน อย่าได้กล่าวเหลวไหลอันใดไป รีบเดินเถิดป่านนี้คุณแม่คงเป็นกังวลแล้ว”
“โธ่เอ๊ย! ไม่ได้ดั่งใจเลย โมโหๆ ไม่รู้ใช่ไหมว่า... เขาคนนั้นคือใครในชาตินี้น่ะ...ก็ไม่รู้” เกศสุรางค์หมั่นไส้เห็นพระศรีวิสารสุนทรเดินนำหน้าไปไกล ก็เร่งฝีเท้าตามไปกระแทกไหล่แซงขึ้นไป พระศรีวิสาร–สุนทรมองตามหลังยิ้มด้วยความรักเต็มหัวใจ
ooooooo