ตอนที่ 14
“อ้ายเดื่อลูกชายมึงต่อยเขาจนกระเด็น ใครกันแน่ที่เหิมเกริมวางอำนาจ มันอยู่ไหนอ้ายเดื่อ ทำผิดแล้วหายหัวไปไหน ลูกผู้ชายหนีทำไม”
“ขุนหลวงทรงรู้หรือไม่ว่า แม้แต่พระสงฆ์ก็เจ็บช้ำ น้ำใจกับพวกคริสเตียน ขุนหลวงไม่เอาใจใส่ศาสนาพุทธเลย ไอ้วิไชยเยนทร์สึกพระออกมาทำงานกุลีเป็นร้อยองค์ ขุนหลวงไม่เห็นว่ามันทำผิดหรือพุทธเจ้าค่ะ”
พระเพทราชาทูลลาด้วยความคับแค้นใจ ระหว่างเดินจ้ำออกมาเจอเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ยืนอยู่กับลูกน้อง พูดลอยๆว่า อย่าหวังว่าทำผิดแล้วจะหนีพ้น พระเพทราชาขุ่นเคืองแต่ยั้งอารมณ์ไว้ชี้หน้ายั่วยุก่อนจะเดินจากไป
“สะใจกูยิ่งนัก มึงมันสมควรโดนยิ่งกว่านั้นอีก ไอ้ฝรั่งไพร่เอ๊ย”
เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์เข่นเขี้ยว บอกลูกน้องว่าคนคนนี้อันตรายมาก ลูกน้องเสนอให้กำจัด แต่เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์กลับคิดว่า พระเพทราชาทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีกำลัง ไม่มีทหาร มีแต่ช้าง ถึงจะคุมช้างเป็นร้อยๆ เชือกก็เอามาสู้กับปืนไม่ได้...
พระเพทราชามาที่เรือนออกญาโหราธิบดีเพราะไปที่เรือนอาจารย์ชีปะขาว คนที่นั่นบอกว่าท่านมาที่นี่ ทุกคนยังล้อมวงคุยกันอยู่ พระเพทราชาเล่าอย่างคุกรุ่น
“ข้าเพิ่งมาจากไปเฝ้าขุนหลวง ท่านอาจารย์ขอรับ มันจะปั่นป่วนกันไปใหญ่แล้วขอรับ เรื่องสึกพระกลายเป็นเรื่องใหญ่ขอรับ ชาวพุทธเราจะยอมให้ฝรั่งข่มเหงรังแกได้ฤา”
“ก็มีคนจัดการกับอ้ายคนสึกพระแล้วมิใช่ฤา” อาจารย์พูดอย่างขบขัน
“ข้าให้พ่อเดื่อล่องเรือหนีไปบางกอกแล้วขอรับ แต่มันคงเอาเรื่องจนถึงที่สุด ขุนหลวงก็คงเข้าข้างมันรอดูความให้ทรงหายเกรี้ยว...”
ออกญาโหราธิบดีแทรกว่า ถ้ามีคนพัดไฟอยู่เรื่อยๆจะหายเกรี้ยวได้อย่างไร พระเพทราชากล่าวอย่าง สิ้นหวัง เห็นทีอยุธยาจะล่มด้วยมือฝรั่งพวกนี้เหมือนเมืองแขกเป็นแน่
เกศสุรางค์ฟังอย่างรู้ล่วงหน้าทุกอย่างแต่พูดไม่ได้ พิจารณาดูสีหน้าพระเพทราชา เห็นว่าวิตกกังวลจริงไม่มีสีหน้าของคนมักใหญ่ใฝ่สูงสักนิด...อาจารย์ชีปะขาวกล่าวลอยๆขึ้นว่า
“อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด” ทุกคนมองท่านด้วยสีหน้าตรึกตรอง
เกศสุรางค์พูดตาม ทุกคนหันมอง หลวงเรืองณรงค์เดชาถามว่าพูดเหมือนรู้ เธอย้ำว่าทุกเรื่องเมื่อจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีใครห้ามได้ พระศรีวิสารสุนทรมีทีท่าอยากถาม เกศสุรางค์ยื่นหน้าไปกระซิบเบาๆว่า
“ทุกเรื่องเจ้าค่ะคุณพี่ มิเว้นเลย”
บ่ายคล้อย ทุกคนลากลับ อาจารย์ชีปะขาวกล่าวกับพระเพทราชา “ให้พ่อเดื่อขึ้นมาจากบางกอกเถิด แลไปยังวัดดุสิต พึ่งพระบารมีเจ้าแม่วัดดุสิตพระองค์เจ้าบัวให้ทูลขอประทานอภัย หากทูลตามความจริงว่าฝรั่งผู้นั้นสึกพระ สึกเณรเป็นจำนวนมากเพื่อไปสร้างป้อมสร้างกำแพง พระเจ้าอยู่หัวก็คงมิกริ้วแต่ประการใด ด้วยทรงเมตตาพ่อเดื่ออยู่เช่นกัน”
“แต่อ้ายฝรั่งนั่นกำลังเป็นที่โปรดปรานอย่างหนักเลยหนาขอรับท่านอาจารย์ ข้าเกรงแต่ท่านแม่ใหญ่เจ้าบัวจักช่วยมิได้”
อาจารย์ชีปะขาวขอให้พระยาโกษาธิบดีช่วยอีกแรง เพราะคำขอน่าจะมีน้ำหนักมากขึ้นเพราะเป็นลูก พระยาโกษาธิบดีรับคำแต่ขอให้ตักเตือนหลวงสรศักดิ์ว่า เก็บน้ำขุ่นไว้ข้างใน น้ำใสไว้ข้างนอก จักเป็นการดีต่องานใหญ่ที่มุ่งหวัง และยังเตือนอีกเรื่องที่ทำให้พระเพทราชานิ่งคิด