ตอนที่ 14
วันต่อมา เกศสุรางค์นั่งอ่านสมุดบันทึกอยู่
ปริกโยนหมากมาใส่เท้า แล้วกวักมือเรียกบอกเกิดเรื่องใหญ่ เกศสุรางค์ฟังเรื่องที่ปริกรู้มาว่ามารีหอบลูกกลับไปอยู่กับพ่อที่ชุมชนโปรตุเกสก็มองออก บอกเดี๋ยวก็กลับมาดีกันไม่ต้องไปเผือกเรื่องเขา แต่ปริกแย้งด้วยสีหน้าจริงจังมาก
“อุ๊ย ไม่ได้เจ้าค่ะ แม่หญิงต้องเสือกเจ้าค่ะ”
เกศสุรางค์สะดุ้งกับคำพูดชัดเจนของปริก ปริกถามอีกว่า ประวัติศาสตร์บอกไว้หรือ
“ฮะ! ว่าไงนะ” เกศสุรางค์มีสีหน้าตกใจ
“ก็นังผินนังแย้มเจ้าค่ะ มันสองคนบอกว่าแม่หญิงมีกุมารทองชื่อประวัติศาสตร์เจ้าค่ะ แม่หญิงทำหน้าอย่างนั้นไม่โอเคเลยนะเจ้าคะ”
“โอเคๆ ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมให้แม่มารีกลับไปหาผัวเอง”
“ดีแล้วเจ้าค่ะ บอกนางว่าคนเป็นขุนนางเขามีเมียคนเดียวที่ไหนล่ะ ออกญาขุนปานยังมีตั้ง 22 คน ขุนนางที่มีเมียคนเดียวเห็นทีจะเป็นออกพระของนังปริกนี่แหละเจ้าค่ะ” เกศสุรางค์ตื่นเต้นถามจริงหรือ “เจ้าค่ะ บอกนางฝรั่งนะเจ้าคะว่าเราเป็นเมียเอกหาต้องกลัวไม่”
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เกศสุรางค์ก็พามารีกลับมาที่บ้านเจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ที่ละโว้ เขาดีใจโผเข้ากอดมารีต่อหน้าเกศสุรางค์ มารียืนนิ่งให้กอดและบอกว่า
“แม่หญิงการะเกดบอกให้ข้ากลับมา แลนางมาเพราะเป็นห่วงข้า”
เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์หันมาขอบใจ เกศสุรางค์รู้ว่าเขารักมารีมาก เขายอมรับว่าเสียใจมากเมื่อนางจากไป เกศสุรางค์จึงย้ำ ถ้ารักนางมากอย่าทำให้นางมีทุกข์อีก เขาก้มหัวรับแล้วเดินมาส่งนางที่หน้าบ้าน ทันใดเสียงนายพลเดส์ฟาร์จตะโกนเป็นภาษาฝรั่งเศสซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า
“เรื่องที่ท่านวางแผนกับเรา จงมาสรุปกันเถิด”
เกศสุรางค์ชะงักกึก เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์รีบเข้าไปบอกนายพลเดส์ฟาร์จว่า “หญิงผู้นั้นรู้ภาษาเรา อย่าเพิ่งกล่าวอันใดไป”
เกศสุรางค์หันมาไหว้ลาแล้วเดินไป แต่พอมาถึงต้นไม้ใหญ่ที่ผินกับแย้มรออยู่ ก็บอกทั้งสองว่าให้รออยู่ตรงนี้ ตนจะเข้าไปสืบความ ว่าแล้วก็จับด้ายแปดฟั่นของอาจารย์ชีปะขาวที่ข้อมือหลับตาพึมพำคาถาจนร่างจางลง ผินกับแย้มตกใจ เกศสุรางค์วิ่งกลับเข้าไปในบ้านเพื่อแอบฟังสองคนคุยกัน
“เพลานี้ทหารที่หายดีจากการป่วยไข้ และทหารที่มีอยู่ก่อนรวมแล้วถึงแปดร้อยกว่านาย คงเพียงพอสำหรับการใหญ่ที่ท่านวางไว้”
“แปดร้อยกว่านายคงพอต่อกรกับพวกเจ้าฟ้าอภัยทศและพวกของออกพระเพทราชาได้ ตอนนี้พระเจ้ากรุงสยามเจ็บไข้ได้ป่วยแทบมิได้ออกว่าราชการ การที่ข้าคิดไว้คงได้กระทำเร็วๆนี้ หากมิใช่พวกมันก็เป็นข้าที่ต้องถูกทำลาย ท่านก็เห็นถึงความเกลียดชังที่ขุนนางสยามมีต่อข้า”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจักทิ้งทหารไว้ที่นี่สักห้าสิบนาย เพื่อคุ้มครองท่าน และถ้ามีสิ่งใดเร่งด่วนก็จงสั่งทหารม้าส่งข่าวไปยังข้าเถิดหนา ท่านทำเพื่อพระเจ้าหลุยส์ของเรา เรื่องแค่นี้มิเป็นอันใด”
เกศสุรางค์พยายามจะเข้าไปฟังใกล้ๆ เจ้าพระยาวิไชยเยนทร์ได้กลิ่นน้ำอบน้ำหอมก็แปลกใจเหลียวมองหา หญิงสาวตกใจถอยหนี ชนของบางอย่างหล่น นายพลเดส์ฟาร์จชักปืนยิงใส่ทั้งที่ไม่เห็นตัว เกศสุรางค์กระตุกเล็กน้อยแล้ววิ่งหนีออกมาได้