ตอนที่ 1
เช้ามืดรุ่งขึ้น ขณะพุกกำลังสั่งบ่าวไพร่จัดสถานที่ที่จะฟังพระสวดอยู่ที่ชานเรือนก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงสินตวาดขึ้นอย่างโกรธแค้น
“ชะไอ้กล้า ไอ้คนเนรคุณ มึงยังกล้ากลับมาเหยียบเรือนครูอีกรึ”
พุกวิ่งมาที่ระเบียงชานเรือนมองลงไปเห็นกล้า ดวงกับวันยืนอยู่ที่กลางลานดิน สินสั่งบ่าวไพร่ให้จับกล้าไว้ บ่าวไพร่วางมือจากงานเข้ารุมล้อมกล้า พุกตะโกนลงไปทันที
“ใครบังอาจแตะต้องไอ้กล้าแม้แต่ปลายเล็บ กูไม่เอาไว้แน่” สินติงว่าไอ้กล้ามัน...พุกสวนจริงจังว่า “เอ็งไม่ต้องยุ่ง นี่มันเรื่องในเรือนข้า เอ็งมีหน้าที่อะไรก็ไปทำ ถ้าคิดว่าจะช่วยงานเพราะกตัญญูต่อพี่เทิดข้าก็ยินดี แต่ถ้าจะมาทำให้งานวุ่นวาย ข้าก็คงต้องให้บ่าวไพร่พาเอ็งออกไปจากงาน”
สินเสียหน้า ไม่พอใจ แต่ท่าทางจริงจังของพุกทำให้สินต้องนิ่ง พุกกวาดตามองพวกบ่าวไพร่พยักพเยิดให้ถอยไป แล้วหันพูดกับกล้า ดวงและวันด้วยน้ำเสียงปกติ “เข้าไปกราบศพพี่เทิดกันเถิด”
ทั้งสามเดินตามพุกไป สินมองวันสีหน้าไม่ค่อยดี มองพุกอย่างเจ็บใจมาก
เมื่อขึ้นไปบนเรือน ดวงกับวันยืนอยู่หลังกล้าสีหน้าเสียใจ ดวงร้องไห้เงียบๆแต่สะอื้นออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ พูดปนสะอื้น “ฉันขอโทษจ้ะพี่เทิด เพราะฉันแท้ๆที่ทำให้ทุกอย่างมันวุ่นวาย จนพี่ต้องมาตายแบบนี้”
กล้าทรุดคุกเข่าสะเทือนใจจนพูดไม่ออก พุกเข้าไปจุดธูปส่งให้ ทุกคนรับธูป พุกมองอย่างสะเทือนใจ
“ไม่ว่าพ่อจะโกรธเกลียดชังข้าแค่ไหน ข้าก็เข้าใจดี สิ่งใดที่ข้าทำให้พ่อต้องเจ็บช้ำน้ำใจ พ่ออโหสิกรรมให้ข้าด้วยเถิด” กล้าเสียงเครือ ทันใดนั้นลมพายุพัดเข้ามาอย่างแรงจนเทียนที่โต๊ะหมู่บูชาดับ กล้าชะงัก ดวงกับวันหน้าเสีย กล้ามองพุกพูดเสียงปนสะอื้น “พ่อคงไม่ยอมยกโทษให้ฉัน”
“เอ็งเข้าใจผิด ข้าว่าพี่เทิดคงรับรู้และอยากจะบอกพวกเอ็งว่าเขาอโหสิกรรมให้แล้วมากกว่า”
กล้ากับดวงมองพุกอย่างไม่เข้าใจ พุกนิ่งคิดถึงนาทีก่อนที่เทิดจะสิ้นใจ เทิดพยายามพูดแต่เสียงแผ่วมากจนพุกต้องเอาหูแนบฟังจึงจับความคำพูดตะกุกตะกักของเทิดได้ว่า...
“บอก...ไอ้กล้ากับ...แม่ดวงว่า...ข้าอโหสิกรรมให้...แต่...ข้าขอให้ทั้งสองคนเล่นซอและร้องเพลงที่ข้าแต่งเป็นเพลงสุดท้าย...ในงานศพ...ข้าให้...ด้วย”
พูดจบเทิดก็ขาดใจตายทั้งที่ยังลืมตา พุกตกใจร้องเรียก “พี่เทิด...” มองที่มือเทิดเห็นกำกระดาษโน้ตเพลงไว้แน่น...
ooooooo
คืนนี้เอง ดวงถือกระดาษโน้ตเพลงเปื้อนเลือดในมือ หน้าซีดเผือดมองหน้ากล้าที่พร้อมจะเล่นดนตรี เอ่ยเสียงเครือ...
“เนื้อเพลงแต่ละท่อนน่ากลัวเหลือเกินพี่กล้า ฉัน...ฉันไม่อยากร้องเลย...”
“มันคงเป็นการระบายความอัดอั้นตันใจของพ่อ แต่ตอนนี้พ่อก็อโหสิกรรมให้เราสองคนแล้ว แม่ดวงอย่าคิดมากเลยนะ ทำตามที่พ่อขอร้องก่อนตายเถิด”
สีหน้าดวงยังไม่ดีขึ้น พุกเดินเข้ามาถามว่าพร้อมกันหรือยัง กล้าบอกว่าพร้อมแล้ว พุกถามดวงว่า มีอะไรหรือเปล่าทำไมหน้าซีดอย่างนั้น ดวงฝืนใจตอบว่าไม่มีอะไร ตนพร้อมแล้ว
กล้าโล่งอกยิ้มให้ดวงอย่างขอบใจ ดวงสูดหายใจลึกๆถือโน้ตเพลงท่วมธรณีตัดสินใจเดินตามกล้ากับพุกไป วันมองพุกกับกล้าไปนั่งตรงวงดนตรีไทยเดิม
ที่หน้าหีบศพเทิด นักดนตรีทั้งหมดพร้อมแล้ว กล้าหยิบซอสามสายวางที่ตักพร้อมบรรเลง ดวงนั่งพับเพียบห่างจากกล้า วันมองดวงชะงักตกใจเห็นดวงไม่มีหัว แต่พอเพ่งมองอีกทีก็เห็นเป็นปกติจึงถอยออกมา ทุกคนรวมทั้งกล้ามองดวงเป็นตาเดียวกัน แล้วเสียงเอื้อนอ่อนหวานของดวงก็ดังขึ้นคลอกับการบรรเลงซอสามสายของกล้า พุกพอใจ วันก็คลายกังวล ทุกคนตั้งใจฟังจนดวงเริ่มร้องวรรคแรก...
“แสนเจ็บแสบแปลบดิ้นแทบสิ้นชีพ ดุจประทีปโดนล้วงลักจากอกข้า สั่นสะอื้นร่ำไห้ด้วยโศกา จิตผวาเจียนแตกแทบแหลกลาญ มันสมสู่ยอดขวัญไม่ยั่นแยก ทำผิดแผกเล่นชู้ดูอาจหาญ...”
พอดวงร้องวรรคแรก เสียงชาวบ้านก็ซุบซิบขึ้น ดวงสีหน้าไม่ดีสบตากล้า กล้าพยักหน้าให้ร้องต่อ
พุกก็ยิ้มให้กำลังใจ ดวงจึงร้องวรรคสองต่อ...
“เสียแรงกูรักเลี้ยงเยี่ยงดวงมาลย์ เดรัจฉานชั่วชาติอนาถใจ กูขอสาปตราบสิ้นดินและน้ำ ให้ฉิบหายตายตกตามแม้ชาติไหน ให้เลือดท่วมธรณีอีจัญไร ฟ้าทลายมิอาจคลายคำสาปกู”
ดวงน้ำตาไหลอย่างกลั้นไม่อยู่ เสียงซุบซิบหนักขึ้น กล้าใช้ความชำนาญในการสีซอตรึงคนฟังจนหยุดซุบซิบ พุกมองพอใจ และดวงก็ร้องเพลงท่วมธรณีท่อนสามต่อ...
“อัปยศหดหู่มิรู้ดับ ดิ้นกระสับมิรู้หายคลายอดสู...” ดวงเริ่มแน่นหน้าอกแต่พยายามร้องต่อ พลันก็สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเทิดร้องคลอตามด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น...“อยากแล่เนื้อเถือหนังด้วยมือกู สิ้นทั้งคู่คงสมหมายดังใจปอง”
ดวงเจ็บทรมานในอกจนพยายามจะหยุดร้องแต่ทำไม่ได้ หันมองกล้าแต่ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นเทิดนั่งซ้อนอยู่ข้างหลังกล้า ปากก็ขยับร้องเพลงไปด้วยกันแต่ตาจ้องดวงอย่างดุดัน...
“เอาผืนดินทั่วหล้ามาฝังกลบ ไม่พอลบเรื่องเลวร้ายมึงทั้งสอง”
ดวงมองไปเห็นมือเทิดจับมือกล้าเล่นซออย่างน่ากลัว กล้ามองดวงเห็นสีหน้าตกใจและเลือดค่อยๆไหลจากมุมปากข้างหนึ่ง กล้าตกใจจะหยุดเล่นแต่หยุดไม่ได้ เลือดเริ่มไหลจากตา จมูกของดวง ดวงสีหน้าเจ็บปวดสุดขีดแต่ก็หยุดร้องเพลงไม่ได้ นักดนตรีหยุดเล่นหมด ต่างมองดวงตะลึง ชาวบ้านแตกตื่น