ตอนที่ 13
ผาณิตาที่นอนพักได้ยินเสียงย่าก็วิ่งมาดู พยายามดึงให้ห่างจากเหมันต์ที่กำลังคุยโทรศัพท์แต่มนตราไม่ยอม ทั้งดึงทั้งรั้งให้เหมันต์มาดูสมุดระบายสี เหมันต์ต้องตัดใจวางสายลาวัลย์และหันไปดุผาณิตาที่ขัดใจมนตรา สองหนุ่มสาวคนรักคงทะเลาะกันไปแล้วถ้ามนตราจะไม่ทำสมุดระบายสีหล่นเผยให้เห็นเอกสารโอนหุ้นของเหมทอง!
เหมันต์กับผาณิตาดีใจมาก มนตราพยายามนึกว่าเอกสารนี้มาจากไหนก่อนจำได้เลาๆว่าเหมทองฝากไว้...
“ผมให้ทนายทำเอกสารการโอนหุ้นให้เหมันต์หลานของเราแล้วนะคุณ...นี่ไง”
มนตราจำได้ว่าเหมทองนำเอกสารโอนหุ้นมาอวดเมื่อไม่นานมานี้
“ก็ที่ผมเคยบอกไง...เขาเป็นลูกชายของเหมวัตกับอุษา”
เหมทองตัดสินใจเก็บเอกสารโอนหุ้นไว้กับมนตราโดยสอดไว้กับสมุดระบายสีเล่มเก่าของเหมวัต
“เรื่องนี้จะให้ใครรู้ก่อนจะถึงวันที่ผมประกาศตัวทายาทไม่ได้เด็ดขาด วันที่ทนายประพันธ์มาบริษัทมีคนรู้เห็น ผมไม่อยากประมาทเก็บไว้กับตัวเอง...ที่ที่คนคิดไม่ถึงคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
ทิมถูกเรียกตัวมาตรวจสอบเอกสารโอนหุ้นในวันเดียวกัน ทุกอย่างถูกต้องและเรียบร้อยดี ผาณิตาจึงตัดสินใจจะยึดอำนาจคืนจากปราการในวันประชุมกรรมการบอร์ดบริหารที่จะมีทุกต้นเดือน...
ooooooo
และแล้ววันที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง ทิมกับผาณิตาช่วยกันเตี๊ยมเหล่าพนักงานให้ช่วยเคลียร์ทางให้เหมันต์กับทิมเข้าร่วมประชุมกับกรรมการบอร์ดบริหารก่อนปราการกับกมลจะมาถึง
เหล่าพนักงานคับแค้นใจกับการบริหารแบบกดขี่ของปราการจึงรวมตัวกันช่วยเหมันต์เพราะหวังชีวิตที่ดีกว่า ทิมกับเหมันต์จึงได้นำสำเนาเอกสารโอนหุ้นของเหมทองไปโชว์ต่อหน้าคณะกรรมการบอร์ดบริหาร
“คุณเหมันต์ บุญญาฉัตรพงษ์ คือผู้ถือหุ้นบริษัทเหมทองกรุ๊ปห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์จึงมีอำนาจเต็มในการขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดและแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารพร้อมกรรมการบอร์ดใหม่ทั้งหมด”
คณะกรรมการบอร์ดมองหน้ากันอึ้งๆ ไม่ทันตัดสินใจอะไรปราการก็โผล่มา
“พวกคุณจะยอมให้ช่างซ่อมรองเท้าข้างถนนเข้ามาบริหารบริษัทจริงๆหรือครับ เงินปันผลจะหดหายล้มละลายขายตัวกันหมดก็ไม่สนหรือครับ เราคือบริษัทแสวงหาผลกำไรนะครับไม่ใช่องค์กรการกุศล”
ปราการกวาดตามองทุกคนกดดันให้เห็นด้วย เหมันต์ไม่ยอมโพล่งขัด