ตอนที่ 11
รินได้แต่ยืนอึ้งยังตกใจไม่หายที่ตัวเองเป็นเป้าให้พาไลโจมตีโชคดีที่ไม่ได้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น บ่นกับปาลว่าไม่เคยไปทำอะไรให้ใครแม้แต่น้อยทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้
“คุณก็แค่มองโลกในแง่ดี แล้วก็นึกว่าทุกคนจะจิตใจดีเหมือนคุณ”
“ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าโลกมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ขอโทษนะที่ทำร้ายความหวังดีของคุณตลอดเลย”
“ไม่เป็นไร ผมโกรธคุณไม่ลงหรอก”
ooooooo
กิฟท์จะเดินไปขึ้นรถ ยังช็อกไม่หายกับเรื่องที่เกิดขึ้น มองไปที่ต้นไม้ในตำนานต้นนั้นเห็นร่างของผีหยาดอยู่ใต้ต้นไม้มองมาทางตัวเอง เธอตัดสินใจเดินไปหา ผีหยาดเห็นเธอก็รีบก้มลงกราบ
“เมื่อครู่บ่าวมิได้ตั้งใจอยากทำร้ายใคร หากแต่ต้องการปกป้องคุณกำไลนะเจ้าคะ”
“ฉันไม่ได้จะตำหนิอะไรเธอสักหน่อย ฉันแค่จะมาขอบใจที่ช่วยชีวิตฉันไว้”
“ช่วยชีวิตหรือเจ้าคะ บ่าวทำลายชีวิตคุณกำไล คุณวาดคุณแดงและคุณน้อยต่างหาก” ผีหยาดสะอื้นตัวโยน กิฟท์ข่มความกลัวเดินไปแตะมือผีหยาด
“หยาด ฉันรู้ความจริงหมดแล้วนะ เธอแค่ถูกหลอกใช้โดยพี่สาวเธอเท่านั้นแหละหยาด ฉันเองก็ไม่ต่างกัน ฉันก็ยัดเยียดความผิดให้เธอ ยกเธอให้คุณพระแล้วยังมีน้ำหน้าไปชังเธอ เธอต่างหากที่ต้องอภัยให้ฉันนะหยาด”
“ไม่เจ้าค่ะ คุณกำไลอย่ากล่าวเยี่ยงนั้น ต่อให้คุณกำไลสั่งให้บ่าวไปฆ่าไปแกงใคร บ่าวก็ทำได้ทั้งนั้น เพื่อปกป้องคุณกำไล” คำพูดของผีหยาดทำเอากิฟท์น้ำตาซึมซาบซึ้งใจในความจงรักภักดีของเธอ
“ขอบใจนะหยาด ฉันไม่เคยเจอใครที่ทำเพื่อคนอื่นได้มากเท่าเธอมาก่อน ส่วนเรื่องความผิดบาปที่ติดอยู่ในใจเธอ ถ้ามันคือสิ่งที่ผูกพันเธอไว้ไม่ให้ไปไหน ฉันให้อภัยเธอนะ”
ผีหยาดเงยหน้ามองกิฟท์ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง นี่เธอให้อภัยคนบาปอย่างตนได้จริงหรือ กิฟท์พยักหน้าทำไมจะไม่ได้ในเมื่อผีหยาดไม่ใช่นางบาป ผีหยาดน้ำตาไหลพราก รู้สึกเหมือนห่วงโซ่ที่พันธนาการร้อยตัวเองไว้ถูกปลดออกจนสิ้น กิฟท์ลูบหัวเธอด้วยความสงสาร เธอก้มกราบเท้ากิฟท์อีกครั้ง น้ำตาไหลลงดินร้องไห้ให้หมดทุกข์หมดโศกกันแล้วในชาตินี้...
ขณะที่กิฟท์กับผีหยาดต่างให้อภัยต่อผิดบาปที่ทั้งคู่มีต่อกัน วิษณุเข้าไปในห้องใต้ดิน ทิ้งให้คนอื่นเก็บข้าวของเตรียมยกกองกลับ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นกำแพงด้านหนึ่งมีรอยขีดเต็มไปหมด เอามือไล่แตะแต่ละรอย ราวกับจะรับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของผีหยด แล้วเอ่ยขึ้นโดยมองไม่เห็นว่าผีหยดยืนมองตัวเองอยู่