ตอนที่ 11
“แต่แววตาเรามันต้องว่างเปล่า ว่างเปล่ามากๆ เหมือนชีวิตมันไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เพราะทุกอย่างเราเป็นต้นเหตุ” วิษณุอินกับบทที่เหมือนจะตำหนิตัวเองจนต้นต้องปลอบให้ใจเย็นๆ วิษณุยิ้มให้ต้นแล้วเดินไปที่นั่งหน้าจอมอนิเตอร์ เมื่อทุกอย่างพร้อม เขาสั่งให้เดินกล้อง กิฟท์อยู่ด้านหลังวิษณุอีกที มองภาพโลงศพทั้งสามใบในฉากนี้ถึงกับน้ำตาซึม...
ต้นไปถึงห้องแต่งตัวเห็นกิฟท์นั่งเหม่ออยู่หน้ากระจกเงา ร้องทักทำไมยังไม่เปลี่ยนชุดอีก เธอยังคงนั่งนิ่ง เขาเป็นห่วงเข้าไปถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอไม่ได้เป็นอะไร ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อน แต่พอลุกเท่านั้น กิฟท์เดินเซจะล้ม ต้นรีบประคองเธอไว้
“กิฟท์ดูไม่ค่อยโอเคเลยไปนั่งพักก่อนเถอะ” ต้นประคองกิฟท์ไปนั่งที่โซฟา...
ขณะทุกคนในกองถ่ายกำลังขะมักเขม้นถ่ายฉากสุดท้าย พาไลทนรับความผิดหวังไม่ไหวต้องใช้เหล้ามาช่วยดับอารมณ์ ยิ่งดื่มก็ยิ่งเมา ยิ่งเมาก็ยิ่งแค้นที่ถูกต้นปฏิเสธความรัก คว้ามือถือจะโทร.หาแต่กลับเปลี่ยนใจคว้ากระเป๋าถือกับกุญแจรถแทนที่...
ถึงเวลาพักเที่ยงทุกคนมาร่วมวงกินข้าว แต่วิษณุยังนั่งเช็กเฟรมอยู่ที่จอมอนิเตอร์ รินถือจานข้าวมานั่งที่โต๊ะมองไปทางเขาอย่าห่วงๆ แล้วสั่งบอลไปตามเขามากินอะไรก่อน
“ผมตามจนโดนแกไล่กลับมาแล้วพี่ แกขอดูเฟรมงานศพอีกทีน่ะ”
ปาลถือจานข้าวเข้ามาจะนั่งด้วย รินลุกขึ้นพอดี เขาร้องเอะอะนั่นจะไปไหนไม่กินข้าวหรือ เธอขอไปดูพี่ณุสักครู่ ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่าหน้าตาเคร่งเครียด แล้วเดินออกไปเลย ปาลมองตามไม่ค่อยจะพอใจนัก
“อย่างนี้แหละพี่ บ้างานพอกันทั้งคู่”...
ขณะที่คนอื่นๆในกองถ่ายนั่งกินข้าวกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร กิฟท์นั่งพักอยู่กับต้นบนโซฟาในห้องแต่งตัว เขามองเธออย่างเป็นห่วงว่าเธอคงจะคิดมากเรื่องที่พี่ณุบอกว่าเธอเคยเป็นคุณกำไลมาก่อน
“ค่ะ ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคนอย่างกิฟท์จะเคยเป็นคุณกำไลจริงๆ”
“คนแบบกิฟท์?...ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ”
“ก็คุณกำไลเธอให้ค่ากับคำสัญญาแม้จนตัวตาย แต่ดูสิคะ สิ่งที่กิฟท์ทำ กิฟท์กลับสร้างสัญญาปลอมๆ เรื่องเราเป็นแฟนกัน กิฟท์ให้ค่ากับความรักน้อยกว่าที่คุณกำไลเธอให้ค่ากับมันมากนัก กิฟท์ไม่ควรเอาความรักมาแบล็กเมล์พี่ต้นแบบนี้เลย” กิฟท์น้ำตารื้นอย่างรู้สึกผิด