ตอนที่ 18
ป้องกุลรอฟังอาการอาม่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อาริสายืนข้างๆจับมือเขาให้กำลังใจ
“อาม่าต้องไม่เป็นอะไร”
“หมอครับ อาม่าเป็นยังไงบ้าง”
“อาการตอนนี้โดยรวมยังไม่มีอะไรน่าห่วง จากผลเอกซเรย์ที่ส่งมาจากโรงพยาบาลทางอยุธยาก็ไม่พบอะไรผิดปกติ แต่คนไข้อายุมากและมีการกระแทกที่ศีรษะ ถึงไม่มีเลือดออกแต่ยังไงผมขอให้คนไข้นอนดูอาการสักวันสองวันก่อนนะครับ”
ป้องกุลโล่งอกที่อาม่าไม่เป็นอะไร สวมกอดอาริสาและดีใจไปด้วยกัน หมอและพยาบาลกลับออกไป ส่วนหมอเอกที่ยืนมองห่างๆขยับเข้ามา
เมื่อเห็นอาม่ารู้สึกตัวป้องกุลกับอาริสารีบเข้าไปหาท่าน อาม่ายิ้มแย้มจับมืออาริสาวางบนมือป้องกุล หมอเอกทนดูไม่ได้ ต้องหันหน้าหนีอย่างเจ็บปวดแม้ทำใจไว้แล้วก็ตาม...
ในขณะที่อาม่ายังนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล เกศิรินตัวต้นเหตุไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเอาแต่ความรู้สึกของตนเป็นที่ตั้ง คิดแต่ว่าตัวเองไม่มีใครต้องการจึงไปสำเริงสำราญในผับเพื่อหาผู้ชายมาสยบแทบเท้าแล้วพาขึ้นเตียงเหมือนที่ผ่านมา
แต่คืนนี้ดันเกิดเรื่องใหญ่เพราะเกศิรินเมามายมั่วมากไปเจ๊าะแจ๊ะผู้ชายที่มีเมียแล้ว ก็เลยมีเรื่องตบตีกันในผับเกือบถึงขั้นเลือดตกยางออก กระนั้นสภาพของเธอก็ไม่ต่างจากหมาข้างถนน หน้าตายับเยินต้องตะเกียกตะกายขับรถกลับเองทั้งที่ยังไม่สร่างเมา
เกศิรินขับรถกลับคอนโดแล้วเดินโซเซลงมาชนอธิปที่ตั้งใจเดินสวนทาง ความเมาทำให้เธอล้มลงนั่งกับพื้น อธิปยืนมองค้ำหัวจ้องเขม็งเพราะโกรธที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้แม่ของเขาตกบันได
“ไง?!! ยับเยินเป็นหมาเลยนะ”
“มาทำไม จะมาขอทานฉันอีกรึไง”
“ได้ข่าวว่าเธอผลักแม่ฉันจนสลบเหรอ”
เกศิรินลุกขึ้นยืนประจันหน้าอธิปอย่างไม่กลัว “ใช่ ก็แม่แกมาขวางฉัน สนับสนุนให้ป้องมีเมียแก่คราวแม่ เวรกรรมก็เลยตามแม่แกไง”
อธิปง้างมือจะตบเกศิริน แต่เปลี่ยนใจอดทนอดกลั้นอารมณ์ไว้ เกศิรินมองหน้าเขาอย่างท้าทาย
“ตบสิ หยุดทำไม”
“ดีนะที่แม่ฉันไม่เป็นอะไร ไม่อย่างนั้นฉันกระทืบเธอแน่”
“ก็เอาสิ กระทืบเลย อย่ามาดีแต่ปาก เหม็นน้ำลายโว้ย”
“ฉันไม่ทำหรอก เพราะฉันเห็นสภาพเธอแล้ว ฉันไม่จำเป็นต้องตบเธอก็เจ็บจนแทบไม่มีน้ำตาจะร้องไห้แล้ว จากผู้หญิงที่มีผู้ชายให้เลือกไม่ซ้ำหน้า ตอนนี้ไม่เหลือใคร แม้แต่หมาก็ยังไม่เดินตามเธอเลย นี่สิเรียกว่าเวรกรรม”
เกศิรินโกรธจะตบ แต่อธิปจับมือเธอแล้วเหวี่ยงอย่างแรงจนล้มกับพื้นไปอีก
“ไอ้อธิป...ไอ้สารเลว ไอ้หน้าตัวเมีย ไอ้แมงดา”
“อยากด่าอะไร ด่าเลย ถึงฉันจะเลว อย่างน้อยฉันก็ยังมีเพื่อนโว้ย ต่างจากเธอ คิดว่าจะเอาชนะเพื่อนได้ แล้วเป็นยังไง...เอาผัวเพื่อนไปกิน เพื่อนเลยเอาลูกตัวเองไปกิน อย่างนี้เขาเรียกว่าแพ้แบบโง่ๆ ขอให้มีความสุขกับชีวิตที่ไม่เหลือใครนะ”
อธิปไปแล้ว แต่เกศิรินยังนั่งจมกับพื้นอย่างเจ็บปวดไปหมดทั้งตัวและหัวใจ สองมือกำแน่นจนสั่น สีหน้าเครียดๆกลายเป็นยิ้มร้าย คล้ายคนเก็บกดจนอารมณ์ขึ้นลงน่ากลัว!
ooooooo
เช้าวันถัดมา อาริสาที่อยู่เฝ้าอาม่าพร้อมป้องกุลตั้งแต่เมื่อคืนตื่นก่อนใคร เธอเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันแล้วกลับออกมายังเห็นอาม่ากับป้องกุลหลับอยู่จึงปลีกตัวออกไปซื้ออาหารเช้าโดยไม่ปลุกทั้งคู่
อาริสาเปิดประตูออกไปเห็นหมอเอก ถามเขาว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
“สักพักแล้ว...เราไปคุยกันหน่อยได้ไหม”
สองคนเดินไปยังมุมที่คนไม่พลุกพล่าน หมอเอกยื่นซองเอกสารการหย่าให้อาริสาพลางมองเธอด้วยสายตาหม่นเศร้า
“ป้องคงบอกกับคุณเรื่องนี้แล้ว ผมเซ็นเอกสารทุกอย่างไว้หมดแล้ว เหลือแค่ริสาเซ็น”
“ทำไมหมอต้องบอกป้อง ทำไมไม่บอกริสา”
“เพราะป้องกุลจะได้รู้ว่าคุณเป็นอิสระ และเขาควรทำตัวเป็นผู้ใหญ่เพื่อรับผิดชอบลูกของเขาที่กำลังจะเกิด”
อาริสามองหมอเอกด้วยความรู้สึกสับสน ไม่รู้จะเจ็บ สงสาร หรือขอบคุณที่เขาทำเพื่อเธอ
“ทำไมหมอต้องทำแบบนี้ด้วย”
“เพราะผมทนเห็นริสาไม่มีความสุขต่อไปอีกไม่ได้”
หมอเอกจับมืออาริสาให้รับซองเอกสาร อาริสาเห็นแหวนแต่งงานยังอยู่ที่นิ้วของเขาก็ชะงัก
“ถึงเวลาที่ผมต้องยอมรับความจริงสักทีว่าผมประสานรอยแตกให้กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้ต่อให้ผมพยายามแค่ไหน ของที่มันแตกไปแล้วยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิมจริงๆ”
“ริสาขอโทษ...”
“ริสาไม่ผิด ผมเป็นคนที่ทำทุกอย่างพังเองผมหวังว่าป้องกุลจะดูแลคุณได้ดีกว่าผม ผมไม่ได้เป็นพ่อแท้ๆของเขา ผมขอเป็นพ่อทูนหัวของเขาได้ไหม”
“ได้ค่ะ หมอคือพ่อทูนหัวของเขา”
หมอเอกฝืนยิ้ม ค่อยๆปล่อยมืออาริสาพร้อมกล่าวขอบคุณเธออีกครั้งก่อนตัดใจเดินจากไปอย่างเจ็บปวดที่สุด...
ooooooo
รุ่งขึ้นอีกวันอาริสากลับมาที่บ้านเขม...เขมยินดีต้อนรับเพื่อนรักและช่วยประคับประคองพาเดินลงบันไดด้วยความเป็นห่วง
“ขอโทษนะเขมที่ฉันกลับมาอยู่กับเธออีก พอหมอเซ็นใบหย่าแล้วฉันก็ไม่อยากอยู่บ้านหมออีก”
“เธอจะย้ายไปบ้านป้องก็ไม่ได้เพราะยังไม่เคลียร์กับนังเกศใช่ไหม”
“อืม...ยังไงฉันรบกวนขออยู่กับเธอสักพักก่อนนะ”