ตอนที่ 18
“เดี๋ยวเธอกลับบ้านไปกับหมอได้เลยนะ วันนี้ฉันจะถือศีลต่อที่วัด กลับบ้านพรุ่งนี้บ่ายๆ”
“อ๋อ...ได้สิ”
เกศิรินตั้งใจให้หมอเอกออกไปก่อนจึงหาเรื่องไหว้วาน “หมอคะ เกศลืมเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่รถ หมอช่วยเอาให้เกศได้ไหมคะ”
“ได้ครับ...ริสาถือร่มเองก่อนได้ไหม”
“หมอคะ แค่ร่มเอง ริสาถือได้”
หมอเอกหน้าเจื่อน ยิ้มขำตัวเองที่ห่วงอาริสามากเกินไป...แล้วยื่นร่มในมือให้เธอพร้อมบอกว่าเดี๋ยวตนมา
หลังจากหมอเอกเดินออกไปแล้ว เกศิรินได้โอกาสตัดสินใจพูดกับอาริสาอย่างตรงไปตรงมา
“หมอคอยดูเธอไม่ห่างเลยนะริสา”
อาริสาชะงักไปนิดเพราะยังห่วงเกศิรินว่าจะรู้สึกแย่ที่หมอเอกดูแลตน ขณะเดียวกันเกศิรินก็ดูออกว่าอาริสาคิดอย่างไรจึงรีบพูดดักคอ
“ที่ฉันพูด...ฉันไม่ได้อิจฉาที่หมอดูแลเธอ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับหมอแล้ว แต่ที่ฉันพูดเพื่อเตือน...
เผื่อเธอไม่ได้มอง”
อาริสาเข้าใจทันทีว่าเกศิรินกำลังจะชี้นำให้ตนได้เห็นความดีงามของหมอเอก ซึ่งเรื่องนี้ตนเห็นเป็นประจำสม่ำเสมออยู่แล้ว
“ฉันเห็น...”
“เห็น...แต่ทำเป็นไม่มองเหรอ”
“เกศ...ฉันรู้นะว่าเธอจะพูดอะไร”
“ฉันไม่ได้รังเกียจที่เธอจะเป็นลูกสะใภ้ของฉัน แต่ที่ฉันพูดเพราะเผื่อเธอจะลืม”
“ลืมอะไร”
“ลืมว่าป้องไม่อยู่แล้ว”
“ฉันไม่ลืมหรอก แต่ฉันยังไม่พร้อมเปิดใจให้หมอตอนนี้”
“ริสา...”
“ทุกคนพูดแต่ว่าหมอรักฉัน แต่ไม่มีใครถามว่าหัวใจฉันยังรักใคร”
เกศิรินถอนใจ...มองอาริสาอย่างเข้าใจ
“เธอรักป้องได้...แต่ไม่ใช่หยุดชีวิตไว้ที่ป้อง เพราะคนตายชีวิตเขาจบแล้ว แต่คนเป็นยังต้องมีชีวิตอยู่ ยังต้องเดินหน้า เธอพูดกับฉันเองไม่ใช่เหรอ ป้องบอกเธอเสมอว่าความสุขของเขาคือการมองคนที่เขารักมีความสุข ถ้าป้องอยากให้เธอหยุดชีวิตไว้ที่เขา ป้องคงไม่จับมือเธอยื่นให้หมอในวันนั้นหรอก จำได้ไหม”
อาริสาจำได้แม่นยำ นึกย้อนเหตุการณ์เศร้าสะเทือนใจในวันนั้น...วันที่ป้องกุลกำลังจะจากทุกคนไป เขาจับมืออาริสาออกจากมือตัวเองเอาไปส่งให้หมอเอกพร้อมเอ่ยว่า
“คุณเคยบอกว่าถ้าผมดูแลริสากับลูกไม่ได้ คุณจะรับเขาสองคนคืน”
“ป้อง!!”
“ผมดูแลริสากับลูกไม่ได้อีกแล้ว”
“ไม่นะป้อง” อาริสาค้านเสียงสั่น
“ขอให้คุณทำตามคำพูดด้วย” ป้องกุลเน้นย้ำกับหมอเอก...
คิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นแล้ว...วันนี้อาริสายังจุกแน่นอยู่ในอก เจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึง...
เกศิรินจับมืออาริสาบีบเบาๆให้กำลังใจ ก่อนทิ้งท้ายจากใจว่า
“ฉันไม่ได้ให้เธอกลับไปรักหมอตอนนี้ วันนี้... แต่แค่บอกว่าอย่าปิดตัวเองจนลืมมองคนที่คอยอยู่ข้างเธอตลอดเวลา”
ooooooo
ออกจากวัดแล้วหมอเอกพาอาริสามาส่งที่บ้านป้องกุล ส่วนเกศิรินยังอยู่ถือศีลที่วัดตามที่บอกไว้
เมื่อเข้ามาภายในบ้านที่เงียบเชียบ หมอเอกแสดงความห่วงใยถามอาริสาว่า
“คืนนี้เกศไม่อยู่ด้วย ริสาต้องอยู่บ้านคนเดียว ริสาไปค้างบ้านเขมมั้ย”
“แค่คืนเดียวเอง...ริสาอยู่คนเดียวได้ค่ะ”
“แต่ริสาต้องเดินขึ้นบันได”
“ริสาจะเดินระวังๆค่ะ ขอบคุณนะคะหมอที่มาส่ง หมอกลับบ้านเถอะค่ะ”
หมอเอกชะงัก รู้สึกไม่ดีที่ตัวเองห่วงอาริสามากเกินไป กลัวเธอจะโกรธและไม่พอใจ ออกตัวว่า
“ผมขอโทษที่ห่วงริสามากไป ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้ริสาอึดอัด ผมขอโทษ...งั้นผมกลับก่อนนะ”
หมอเอกพูดแล้วหันหลังจะกลับออกไป อาริสาเห็นชัดว่าเขาหน้าจ๋อยก็สงสาร เรียกไว้
“หมอคะ”
เขาหันขวับกลับมาทันที “มีอะไรเหรอ...หรือริสาอยากได้อะไร”
ทั้งคำพูดและสีหน้าท่าทางของหมอเอกที่แสดงความรักและห่วงใยอาริสามาโดยตลอด...ทำให้อาริสาที่รับรู้ตลอดเวลาสีหน้าไม่สู้ดี เข้าใจและห่วงความรู้สึกของเขาเหมือนกัน
“เปล่าค่ะ ริสาไม่ได้อยากได้อะไร แค่อยากถาม”
“ถามอะไรครับ”
อาริสาลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจถาม...ไม่ได้ให้ความหวังแต่อยากบอกเขาอ้อมๆว่ารอไม่ไหวก็อย่ารอเลย
“แหวนแต่งงานของริสายังอยู่ไหมคะ”
คำถามนั้นของอาริสาทำให้หมอเอกชะงัก มองหน้าเธออย่างประหลาดใจ กระนั้นก็ยังตอบเต็มเสียงว่า
“ผมยังเก็บไว้เหมือนเดิม”
“หมอคงต้องเก็บแหวนวงนั้นไว้นานหน่อยนะคะ”
หมอเอกยิ้มบางๆอย่างเข้าใจ...อาริสาหมายถึงยังไม่สามารถรักเขาได้ในตอนนี้...แล้วตั้งใจฟัง
เธอพูดต่อไปอย่างมีความหวัง
“แต่ถ้าวันนึงหมอเปลี่ยนใจไม่อยากเก็บแหวนวงนั้นอีก หมอสามารถ...”
หมอเอกรู้ว่าตัวเองอาจจะหมดความหวังจึงไม่รอให้อาริสาพูดจบ แทรกขึ้นมาจากใจว่า
“ผมตั้งใจเก็บแหวนวงนั้นไว้ทั้งชีวิตอยู่แล้ว”
ต่างคนต่างมองหน้าและสบตากัน หมอเอกแม้ยังไม่สมหวังในเวลานี้ แต่ยังมีรอยยิ้มให้อาริสาเพื่อให้เธอสบายใจและไม่รู้สึกกดดัน
“ไม่ต้องห่วงผมนะริสา ผมขอแค่ดูแลคุณ คุณไม่ต้องรีบตัดสินใจอะไรทั้งนั้น คุณมีเวลาคิด...และผมก็มีเวลารอคุณได้ทั้งชีวิต”
อาริสาตะลึง...ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนั้น
หมอเอกสบตาอาริสานิ่งนาน...แน่วแน่...
“ผมกลับนะ”
หมอเอกบอกลาอาริสาแล้วหันหลังจะเดินไปที่ประตู
พริบตานั้นเองอาริสาตัดสินใจเรียกเขาไว้
“หมอคะ...ทานข้าวเย็นด้วยกันไหมคะ”
หมอเอกชะงักกึก ค่อยๆหันกลับมายิ้มให้อาริสาด้วยหัวใจพองโต...เพราะคำถามนั้นสำหรับเขามันคือสัญญาณที่ดีว่าอาริสากำลังเปิดใจให้เขา
อีกครั้ง และนับจากนี้ไปไม่ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนที่เธอจะกลับมารักเขาได้เหมือนเดิม เขาก็จะรอ...รออย่างมีความหวังทุกนาที
ooooooo
– อวสาน –