ตอนที่ 14
รุ่งขึ้นที่คุ้มจัดเลี้ยงต้อนรับเจ้ากุมปายอย่างสมเกียรติ เจ้าหลวงและมหาเทวีอยู่ในชุดเจ้าเมืองจายเต็มยศ ส่วนเจ้าจ้อยก็ใส่ชุดเจ้าหญิงสวยงามจนพสุตะลึงมองไม่วางตา
ลุมพูเป็นแม่งานสั่งคนจัดเตรียมอาหารไว้อย่างดี เจ้าจ้อยเพิ่งนึกได้ว่าไม่มีอ่อนคำ สงสัยว่าไปตามหายุพราชถึงไหนป่านนี้ถึงยังไม่กลับมา
“ไม่แน่นะครับ อ่อนคำอาจจะไปช่วยดามใจให้ยุพราชสำเร็จแล้วก็ได้”
“นี่หมวดดูออกด้วยเหรอว่าอ่อนคำแอบชอบยุพราช”
“ดูออกสิครับ ขนาดเจ้าจ้อยรักใครอยู่ ผมยังดูออกเลย”
“ถ้าเฮายังไม่พูดคำว่ารักออกจากปาก ก็อย่าได้มั่นใจนะว่าเฮารักใคร” เจ้าจ้อยพูดลอยๆแล้วเดินอมยิ้มผละไป ทิ้งให้พสุยืนเหวอ อ้าปากหวออยู่ตรงนั้น
ooooooo
คณะของเจ้าหลวงต้อนรับเจ้ากุมปายด้วยมิตรไมตรี สองฝ่ายเริ่มสนทนากันในมุมรับรองแขกที่รายล้อมไปด้วยองครักษ์ของเจ้าหลวงและตำรวจไทยที่นำโดยเผ่าเทพอีกจำนวนหนึ่ง
“เฮากับมหาเทวีหลบออกมาจากคีรีหลวงตั้งแต่ช่วงแรกๆที่นายพลอังกูนำทหารซาอูยึดเมือง ไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงตอนนี้ในคีรีหลวงเป็นอย่างไรบ้าง สงบลงหรือว่ายังปั่นป่วน”
“ท่านจะสนใจทำไม ในเมื่อไม่ว่าจะสงบหรือยังปั่นป่วน ท่านก็ก่อตั้งกองกำลังกู้ชาติจะกลับไปชิงเมืองคืนอยู่แล้ว”
แค่ประโยคแรกของเจ้ากุมปายทำให้เจ้าหลวงเมืองจายถึงกับชะงัก มหาเทวีกับเจ้าจ้อยมองตากัน
“ที่เฮาถามเผื่อจะมีเจ้าหลวงเมืองอื่นๆที่ยังมีชีวิตอยู่มาร่วมมือกับเฮาเหมือนกับท่านอีก”
“ไม่มีใครกล้าเผยตัวมาร่วมมือกับท่านหรอก นอกจากเฮาคนเดียว”
เจ้าจ้อยเริ่มไม่พอใจกระซิบบอกมหาเทวี “เจ้ากุมปายตั้งใจจะมาร่วมมือกับเจ้าพ่อจริงๆหรือเจ้าแม่พูดไม่เข้าหูเลย”
“คิดมากน่าลูก”
เจ้าจ้อยนิ่งไว้ แต่อีกไม่กี่อึดใจก็ต้องขอตัวลุกออกไป พสุเห็นท่าทีเจ้าจ้อยแปลกๆจึงเข้ามาคุยด้วย
“บรรยากาศการคุยที่โต๊ะเจ้าหลวงเป็นยังไงบ้างครับ ผมมองอยู่ห่างๆไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกันบ้าง”
“เจ้าพ่อก็ไถ่ถามเจ้ากุมปายถึงสถานการณ์ที่คีรีหลวงนั่นแหละ เพราะเจ้ากุมปายเพิ่งออกจากคีรีหลวงมาไม่นาน”
“ดูจากหน้าคุณแล้ว เหมือนจะได้คำตอบที่ไม่น่าพอใจ”
“ไม่รู้ว่าเฮารู้สึกเองหรือเปล่า เจ้ากุมปายดูไม่กระตือรือร้นจะตอบคำถามเจ้าพ่อนัก”
“อย่างนั้นหรือครับ”
“อาจจะไม่มีอะไรหรอก เพิ่งพบปะคุยกันครั้งแรก เฮาคงตั้งความหวังมากไปว่าเจ้ากุมปายจะดูจริงจังขึงขังกับการมาร่วมกู้ชาติกับเรา” เจ้าจ้อยพยายามไม่คิดมาก ผละไปกำชับกำชาลุมพูเรื่องอาหารการกิน