ตอนที่ 13
จ้อยแทรกตัดบทว่า ตนรู้ตั้งแต่ท่านขุนรู้ ขุนศรีวิสารวาจาว่าเกี่ยวอะไรด้วย จ้อยรีบบอกว่า
“พอข้าเห็นออกขุนท่านเลิกเกลียด แต่เปลี่ยนมาเป็นรักแม่หญิง ข้าก็เปลี่ยนใจเหมือนกันขอรับ” คำพูดของจ้อยทำให้ท่านขุนหน้าแดงพูดไม่ออก เกศสุรางค์เห็นแกล้งย้ำ
“จ้อยก็...ออกขุนท่านเขินหน้าแดงแล้วเห็นไหมล่ะ”
“แม่การะเกด...อย่าให้มันเกินงาม เป็นหญิงพูดจามีหูรูดบ้าง...ก็เป็นอันว่าออเจ้าชนะใจคนทุกผู้ในเรือนนี้” คุณหญิงจำปาเอ็ดเชิงเอ็นดู เพราะความจริงตัวเองก็รักและเมตตาแม่การะเกดคนนี้เหมือนกัน
ขณะที่ทุกคนยิ้มแย้ม ออกญาโหราธิบดีถามขึ้นทำให้ทุกคนนิ่งมองเป็นตาเดียว “แม่การะเกด ครานี้จะบอกได้หรือยังว่าออเจ้าเป็นใคร มาจากไหน”
“เอ้อ...ถ้าข้าเป็นใครอื่นมาสิงในตัวแม่การะเกด ข้าจะโดนไล่ไปไม่ให้อยู่ที่นี่ไหมเจ้าคะ”
“ถามลุงฤา”
“เจ้าค่ะ ข้า...ไม่ได้เป็นใครที่ไหน และไม่ได้มาจากที่ใด ข้าคือการะเกด ส่วนหนึ่งของแม่หญิงการะเกดคือข้า เพียงแต่ส่วนที่เป็นข้าเพิ่งปรากฏตัวขึ้นเท่านั้นต่อจากนี้แม่หญิงการะเกดจะเป็นเหมือนที่ข้าเป็น แม่หญิงการะเกดคนเดิมจะไม่มีอีกต่อไป...โอเคไหมพี่ผินพี่แย้ม” เห็นทุกคนทำหน้างงๆ เกศสุรางค์จึงทำมือโอเคกับผินและแย้ม ทั้งสองทำมือตามอย่างเดียวกัน แล้วหันไปถามคนอื่นๆ
“พี่จวง จิก บุ้ง จ้อย แม่ปริก”
ทุกคนยกมือโอเคตอบอย่างเก้กัง แล้วพากันหัวเราะ
ไม่ทันไรเกศสุรางค์ก็หันมาขออนุญาตคุณหญิงจำปาพาขุนศรีวิสารวาจาไปเยี่ยมจันทร์วาด คุณหญิงนึกได้จะบอกลูกชายแต่เกศสุรางค์เอานิ้วแตะปากไม่ให้พูดโดยที่ท่านขุนไม่ทันเห็น
ooooooo
เมื่อขุนศรีวิสารวาจามาถึงเรือนเห็นจันทร์วาดตั้งครรภ์ก็ประหลาดใจ เกศสุรางค์หัวเราะเพราะทีแรกท่านขุนคิดว่านางอวบอ้วนขึ้น
“แหม คุณพี่เจ้าขา มีแม่หญิงคนไหนอ้วนที่พุงเจ้าคะ พอลงพุงเขาก็ไปฟิตเนสกันทั้งนั้น”
“นางเป็นคนพูดจาเพ้อเจ้อ แม่จันทร์วาดอย่าฟังเลย”
“มีคนทำให้อ้วนที่พุงเจ้าค่ะ” เกศสุรางค์หัวเราะชอบใจ ท่านขุนทำหน้างง
จันทร์วาดจึงเฉลยว่า “ข้ามีครรภ์เจ้าค่ะพี่ขุน”
“มีครรภ์...กับ...เอ่อ...ใคร”
ขุนเรืองเดินยิ้มร่าออกมา เกศสุรางค์ยกมือไหว้ ขุนศรีวิสารวาจาชี้ไปที่ขุนเรืองเชิงถาม ขุนเรืองเย้าว่า แปลกใจมากหรือ สหายรักยอมรับและแสดงความยินดีด้วย ขุนเรืองขอบใจและว่าตั้งใจจะพาจันทร์วาดไปเยี่ยมเมื่อรู้ว่ากลับมาจากฝรั่งเศส ขุนศรีวิสารวาจาเย้ากลับว่ารู้จึงชิงมาก่อน แล้วถามถึงคุณหญิงนิ่ม จันทร์วาดตอบว่า
“คุณแม่ท่านย้ายไปอยู่กับคุณย่าเจ้าค่ะ”
“คุณย่าแม่จันทร์วาด เจ้าแม่วัดดุสิตใช่ไหมคะ”
เกศสุรางค์ถาม จันทร์วาดรับว่าใช่ “ที่เป็นแม่นมของขุนหลวง...” ขุนศรีวิสารวาจาให้เรียกพระนม “ค่ะ เป็นพระนม ใช่ไหมคะ”
“ค่ะ ท่านรักษาอุโบสถศีลและปฏิบัติธรรมที่วัดดุสิตารามนอกเกาะเมือง คุณแม่ท่านจึงไปอยู่ด้วย”
“ข้าไม่เข้าใจเลย ขุนหลวงกับคุณลุงขุนเหล็กเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ ทำไมใจร้ายรับสั่งลงโทษโบยจน...” ขุนศรีวิสารวาจาแตะแขนปราม เกศสุรางค์จึงนึกได้ “ข้าขอโทษนะเจ้าคะแม่จันทร์วาด”
จันทร์วาดหน้าเศร้าลง “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแรงกรรมที่ทุกคนเคยทำมา ข้าไม่โทษใครทั้งสิ้น บัดนี้คุณแม่ท่านเป็นสุขแล้ว”
หลังจากนั้นเกศสุรางค์มาช่วยจันทร์วาดทำอาหาร ท่านขุนทั้งสองนั่งสนทนากัน ขุนศรีวิสารวาจาชมขุนเรืองว่าเก่งจริงที่ทำให้คุณหญิงนิ่มยอมรับเป็นลูกเขยได้ ขุนเรืองกลับบอกว่า
“หันไปชมคู่หมั้นของออเจ้าเถิด”
ขุนศรีวิสารวาจาพยักหน้า “มิได้ดูแคลนออเจ้าหนา แต่ข้าก็เชื่อว่าเป็นฝีมือแม่การะเกด”
สองสหายขบขัน แล้วขุนเรืองก็กล่าวขึ้นว่า ตนได้อวยยศเป็นหลวงเรืองณรงค์เดชาแล้ว ให้เขาเตรียมรับยศใหม่เช่นกัน ขุนศรีวิสารวาจายิ้มรับ คิดว่าพระวิสุทธสุนทรคงกินตำแหน่งถึงเสนาบดี
ooooooo