ตอนที่ 13
“ข้าจะคอยชาติภพที่เราสองคนจะเกิดด้วยกันโตด้วยกัน ไม่มีใครตายจากกัน” เกศสุรางค์สวมกอดการะเกดแนบแน่น จนร่างการะเกดค่อยๆเลือนหาย แล้วหันมองบ่าวไพร่ที่นั่งเศร้า เห็นปริกร้องไห้ซับน้ำตาป้อยๆ คุณหญิงจำปาก็นั่งกุมขมับเศร้าหมอง
เสียงสวดมนต์กฤษณะกาลีดังแว่วมา เกศสุรางค์นึกได้รีบวิ่งไปที่หอนอนตัวเอง เข้าสวมร่างที่นอนนิ่ง พอลืมตาขึ้นมาสบตากับผินและแย้ม ทั้งสองตาโตดีใจร้องลั่นว่าแม่นายฟื้นแล้ว
แย้มวิ่งออกมาตามขุนศรีวิสารวาจา คนอื่นๆเห็นท่าทางแย้มก็รับรู้ได้ว่าการะเกดฟื้น แต่คุณหญิงจำปาถามขึ้นว่าเกิดเหตุอันใด ปริกตอบทันควันก่อนจะวิ่งไปที่หอนอนของการะเกด
“แม่หญิงฟื้นแล้วน่ะสิเจ้าคะ...ไม่เห็นต้องถามเลย”
คุณหญิงจำปาถามจริงหรือ แย้มตอบรับด้วยน้ำเสียงดีใจ...ท่านขุนวิ่งพรวดมาที่ห้อง มองการะเกดอย่างพิจารณา เกศสุรางค์เอ่ย
“คุณพี่ ทำไมดูโทรมจังเจ้าคะ”
ท่านขุนดีใจดึงเธอมากอดแนบอก “วาจานี้มิผิด เจ้ากลับมาแล้วแม่การะเกดของพี่ ถ้าเจ้ายังมิกลับมาในวันนี้ใจพี่จะขาดแน่ๆ”
ผินกับแย้มปลื้มปริ่มถอยออกจากห้องอย่างรู้งาน เกศสุรางค์บอกท่านขุนว่า
“ข้าต้องกลับสิเจ้าคะ...เพราะข้าหิวมาก ชนิดที่ว่ากินไก่ได้เป็นตัวๆเลยหนาเจ้าคะ”
ท่านขุนหัวเราะเสียงดัง ปริกจะเข้าไปหาการะเกด ผินกับแย้มช่วยกันดันไว้ คุณหญิงจำปาเดินตามมาถามทำไมเข้าไปไม่ได้ ผินท่าทางเอียงอายทำมือเอานิ้วชี้มาชิดกัน บอกออกขุนท่านกำลัง...
“อะไรของมึง” คุณหญิงจำปาไม่เข้าใจ แต่ปริกเข้าใจถอยออกไป “มึงพูดให้ชัดเจน...เป็นยังไร”
“กำลังกอดกันเจ้าค่ะ แล้วก็...หอมกัน นิดหน่อยเจ้าค่ะ” ผินบิดแขนไปพูดไปอย่างขวยเขิน
คุณหญิงจำปานิ่งอึ้งอึดใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นขำ แล้วหันหลังเดินกลับ...
ooooooo
ขุนศรีวิสารวาจายังคงกอดการะเกดอย่างนุ่มนวล จูบเบาๆที่แก้ม พร่ำบอกว่าใจตนราญรอนเหมือนร่างกายไม่มีชีวิตจิตใจ อย่าจากตนไปไหนอีก
“ไม่ได้อยากไปเสียหน่อยเจ้าค่ะ แค่แตะสมุดข่อยเล่มนั้น จี๊ดขึ้นสมองเลยเจ้าค่ะ โลกมืดทันทีไม่รู้ตัว”
ท่านขุนฉุกคิดบางอย่าง ลุกพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว...หยิบคัมภีร์กฤษณะกาลีจากหอสมุด หันกลับมาเจอออกญาผู้พ่อก็ลู่ตัวลงกล่าว
“จักเอาคัมภีร์ไปทำลายเสียให้สิ้นขอรับ หากแม่การะเกดแตะต้องเข้าอีกอาจจักมิมีโชคขอรับคุณพ่อ”
“คิดให้ดี จักทำลายเยี่ยงไร อาจมีผลต่อแม่การะเกดได้หนาลูก”
ท่านขุนชะงักไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง “ลูกรู้แล้วว่าต้องทำเยี่ยงไร ลูกขอหนาขอรับคุณพ่อ”
ออกญาโหราธิบดีพยักหน้า ท่านขุนเดินออกไป
เกศสุรางค์เข้ามาถามว่าท่านขุนไปที่ใด พอออกญาบอกว่าไปจัดการกับคัมภีร์กฤษณะกาลีที่ทำให้เธอเป็นอย่างนี้ หญิงสาวตกใจ ออกญาย้ำ “พ่อเดชเกรงว่าหากเป็นคราวหน้าออเจ้าอาจจักมิได้กลับมาร่างนี้อีก เพราะหากเป็นแม่การะเกดตัวจริงกลับเข้าร่าง พ่อเดชคงมิยินยอม”
เกศสุรางค์ตกใจมากขึ้นที่ท่านออกญาโหราธิบดีรู้ว่าตนไม่ใช่การะเกดตัวจริง...ไม่เพียงเท่านั้น ทุกคนในเรือนเริ่มเผยความรู้สึกให้ฟัง ผินบอกว่ารู้ตอนที่แม่นายเรียกพี่ผินพี่แย้ม แย้มพูดยิ้มๆว่ารู้ตอนแม่นายแจกเงิน และมีอารมณ์ดีตลอดเวลา ผินเสริมอีกว่าแม่นายไม่มองพวกตนเป็นบ่าว จวงก็รู้สึกตั้งแต่แม่นายเรียกตนว่าพี่ จิกเห็นด้วยเพราะปกติจะจิกเรียกพวกตน...แต่ปริกรู้สึกไม่เหมือนใคร
“แต่ข้าเจ้าน่ะนึกว่าแม่หญิงแกล้งทำมารยาสาไถย เจ้าอุบายกลบความร้ายกาจของตัวเอง ข้าเจ้าชังแม่หญิงเหลือที่จะกล่าว”
“มิน่า สะบัดสะบิ้งใส่ข้าตาล้อด...ตาหลอด”
“เกลียดนี่เจ้าคะ”
“แล้วตอนนี้ล่ะ...”
“รักเจ้าค่ะ ถ้าแม่นายท่านว่าอะไรแม่หญิงนะเจ้าคะ ข้าเจ้าไม่ยอมเป็นอันขาด”
“มันจะมากไปแล้วนังปริก” คุณหญิงจำปาหมั่นไส้ ปริกสวนทันที
“ว่าข้าเจ้าเป็นขโมยไม่มากกว่าหรือเจ้าคะ”
“เออ...เอากะมัน จะพูดจนตายฤา”