ตอนที่ 13
คุณหญิงจำปายืนใจหาย ปริกจ้องหน้าคุณหญิงและติงว่า แม่หญิงกำลังจะตายกลับให้กินยาหอม
“ตาย...ใครว่านางตาย ข้าไม่เห็นนางเป็นอะไร”
“แม่หญิงไม่หายใจน่ะสิ ไม่หายใจตายฤาไม่” ปริกตวัดเสียงใส่แล้วผลุนผลันออกไป
“เออ...นังปริก เอาเสียหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะเอ็ง” คุณหญิงจำปางงงวยกับท่าทีของบ่าวคู่ใจ
ในหอนอน ขุนศรีวิสารวาจานั่งคุกเข่ากุมมือการะเกดอยู่ข้างเตียง พร่ำรำพันให้เธอตื่นขึ้นมาอย่ากลับไปไหน จนกระทั่งหลวงเวชภักดีมาถึง ตรวจดูอาการแล้วถึงกับแปลกใจ
“ข้ามิเคยพบเห็นอาการป่วยไข้เช่นนี้มาก่อน ลมหายใจเต้นอ่อนนัก แต่เป็นจังหวะอันเสมอกันคล้ายการจำศีลภาวนา เนื้อตัวก็อุ่นมิร้อนมิเย็นน่าประหลาดนัก ก่อนหน้านี้นางได้กินหรือจับต้องสิ่งใดฤาไม่”
“ข้าเจ้าพบแม่นายท่านในหอสมุดเจ้าค่ะ มีสมุดข่อยกับพานทองอยู่เคียงกัน ไม่แจ้งว่าแม่นายจับต้องฤาไม่” ผินรายงาน
ท่านขุนลุกเดินไปยังหอสมุดทันที ปริกพุ่งเข้าถามไถ่น้ำตาปริ่ม จิกกับจวงเหน็บแนมคงสมใจปริก ปริกตวาดกลับว่าอย่ามารื้อฟื้น ตนกลับใจแล้ว
ท่านขุนเดินรี่ไปหาออกญาโหราธิบดี ผู้เป็นพ่อถามทันทีว่าคิดสิ่งเดียวกับพ่อใช่หรือไม่ ท่านขุนรับคำหน้าเครียด ออกญาหวั่นใจ
“หากเราร่ายมนต์กฤษณะกาลีนี้ แล้วแม่การะเกดกลับมาเป็นคนเดิมเมื่อสี่ปีก่อน ออเจ้าจักทำอย่างไร”
“คุณพ่อ...รู้ฤาขอรับว่า นางมิใช่...”
“เหตุใดพ่อจักมิรู้ แม่การะเกดผู้นี้กลับมีนิสัยใจคอที่แตกต่างจากหลานสาวคนเดิมของพ่อ แม่หญิงผู้นี้น่าเอ็นดูยิ่งนัก ความผูกพันนี้กลับมากยิ่งกว่าที่ระลึกถึงหลานสาวคนเดิมเสียอีก”
“ลูกทนให้นางนอนแน่นิ่งอย่างนี้มิได้ขอรับ หากต้องเสี่ยงลูกก็พร้อมยอมรับ ลูกจะสวดมนต์ ถ้าแม่การะเกดของลูกมิกลับมาหรือนางฟื้นคืนแต่มิใช่แม่การะเกดของลูก แต่เป็นแม่การะเกดคนเก่า ลูกก็จักบวชตลอดชีวิตมิขอมีคู่ครองตลอดไป” ขุนศรีวิสารวาจากล่าวหนักแน่น
ooooooo
เสียงสวดมนต์กฤษณะกาลีดังกังวานทั่วเรือน ร่างการะเกดนอนนิ่ง ผินกับแย้มร้องไห้อยู่ข้างๆ วิญญาณเกศสุรางค์ลุกออกจากร่าง เห็นตัวเองนอนนิ่งก็ตกใจ เรียกผินกับแย้มก็ไม่ได้ยิน...ไม่ทันจะกล่าวอะไรอีก เหมือนมีใครดึงไปอย่างแรง
ปริกเดินเข้ามาพอดี รู้สึกเหมือนมีบางอย่างปะทะร่างจนเซล้มนั่งแปะ แต่ด้วยความห่วงการะเกดจึงไม่ติดใจ ถามผินกับแย้มถึงอาการแม่นาย ทั้งสองส่ายหน้าน้ำตานอง ปริกพร่ำบอก
“แม่หญิง...แม่หญิงอย่าเพิ่งตายนะเจ้าคะ ออกขุนท่านสวดมนต์ช่วยแม่หญิงแล้ว...”
ในขณะที่วิญญาณเกศสุรางค์ลอยคว้างแหวกม่านอากาศที่เต็มไปด้วยหมอกควัน จนมาพบอาจารย์ชีปะขาว ท่านมองอย่างเมตตา หญิงสาวรีบขอร้องให้ช่วยพากลับบ้าน
“บ้านไหนเล่า นังหนู”
“บ้านไหน หรือเจ้าคะ...จริงสิข้าไม่มีบ้านจะกลับ”
“เอ็งดูนี่ก่อน เกศสุรางค์” หญิงสาวตกใจที่ท่านรู้ชื่อ อาจารย์หัวเราะเบาๆ “มันยากนักรึ...เอาล่ะ ตั้งจิตให้ดี”
ทันใดเกศสุรางค์ก็เห็นภาพเหตุการณ์ตอนรถชน มาจนเห็นเรืองฤทธิ์บาดเจ็บนั่งรถเข็นมากราบสิปางกับยายนวลที่บ้าน น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเสียใจอย่างที่สุด ...วิญญาณเกศสุรางค์เห็นแล้วพอจะเดาเรื่องทั้งหมดได้ จนกระทั่งเห็นเรืองฤทธิ์นั่งมองรูปถ่ายตน น้ำตาไหลเป็นทาง
วิญญาณเกศสุรางค์ลอยมาคุกเข่าตรงหน้ายายนวลที่กำลังปลอบสิปางทั้งที่ตัวเองก็น้ำตาไหลพรากว่าเขาทำบุญกับเรามาแค่นี้ หักอกหักใจเสียบ้าง สิปางร่ำไห้
“คุณแม่...เขาอุตส่าห์รอดตายทั้งๆที่น้องสาวฝาแฝดไม่รอด แล้วเขาก็อยู่มาจนโตจนผูกพันกับเรา ทำไมต้องมาเอาเขาไปล่ะคะ เอาไปเลยตั้งแต่เล็กจะได้ เสียใจครั้งเดียว”