ตอนที่ 13
เกศสุรางค์เข้ามาในหอสมุดเรือนออกญาโหราธิบดี หยิบจับหนังสือมาอ่านอย่างสบายใจจนจบ พอนำกลับไปวาง เห็นบนตู้หนังสือมีพานสีทองวางอยู่ บนพานมีสมุดข่อยพับหนึ่ง
“หลงหูหลงตาได้ไงเนี่ย อยู่เสียสูงเชียว” พูดจบก็เอื้อมสุดแขนไปแตะส่วนฐานของพาน แล้วเลื่อนมือขึ้นแตะสมุดข่อย ทันใดก็รู้สึกสะท้านไปทั้งตัว พลันความรู้สึกดับวูบลงทันที
ในขณะที่ขุนศรีวิสารวาจาอ่านสิ่งที่พระวิสุทธสุนทรบันทึกให้ขุนหลวงนารายณ์ซึ่งทรงนอนเอกเขนกฟังอย่างสำราญพระทัย ว่าด้วยเรื่องความหนาวเหน็บที่ฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระราชทานเสื้อขนสัตว์แลหมวกให้ใส่กันหนาว ขุนหลวงอยากรู้ว่าหนาวแค่ไหน พระวิสุทธสุนทรเล่าว่าหนาวจนมือแข็งขยับนิ้วไม่ได้ แต่ถ้าวันใดมีเกล็ดขาวๆตกจากฟ้าจะไม่หนาวเท่าไหร่
“พวกเอ็งอาบน้ำกันมั่งฤาไม่ ถ้ามันหนาวจนมือไม้ แข็ง” ขุนหลวงทรงถามหลวงกัลยาณไมตรีกับพระวิสุทธสุนทรช่วยกันตอบว่าอาบ เพราะมีน้ำต้มให้อาบ สามสี่วันจะอาบสักครั้ง ขนาดนี้คนฝรั่งยังว่าพวกเราอาบบ่อย ขุนหลวงทรงสรวลแล้วทรงถามอีกว่า
“พวกเอ็งจากเรือนไปนานเป็นปี ไม่มีเมียเป็นนางฝรั่งฤา คิดถึงเมียทางนี้เต็มทีล่ะสิ อ้อ ไอ้ขุนศรี เอ็งไม่มีเมีย...ว่ายังไร”
“คิดถึงพุทธเจ้าค่ะ”
“คิดถึงใครวะ”
“คิดถึงคนที่ข้าพุทธเจ้ากำลังจักได้เป็นเมียพุทธเจ้าค่ะ”
ทุกคนหัวเราะเพราะรู้แก่ใจว่าท่านขุนมีคู่หมาย... ขณะนั่งเรือกลับ ขุนศรีวิสารวาจาคิดถึงการะเกดเพราะตั้งแต่กลับมายังไม่ได้คุยกันเท่าไหร่ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จ้อยลอบมองยิ้มย่อง
ในขณะที่เกศสุรางค์ยังนอนนิ่งอยู่ในหอสมุด วิญญาณการะเกดพยายามจะช่วยเหลือแต่จับต้องร่างไม่ได้ ก็ลุกลี้ลุกลนแวบผ่านประตูออกไปหาคนช่วย...
ผินกับแย้มกวาดถูห้องอยู่ คุยกันหัวเราะขบขัน วิญญาณการะเกดพยายามปรากฏตัวให้เห็น ส่งเสียงขุ่นเคือง
“หัวเราะกันเข้าไปเถิด กูกำลังจะตายนะมึง” พูดจบร่างหายแว้บไปทางประตู
ทั้งสองตกใจวิ่งตามออกไป เห็นจิก จวงและปริกทำงานอยู่ ละล่ำละลักถามหาออกญาโหราธิบดี พอจวงตอบว่าไม่อยู่ก็ถามหาคุณหญิงจำปา จิกบอกว่าสวดมนต์อยู่ ผินโพล่งออกมาว่า
“แม่นายของกูกำลังจะตาย!”
“ฮะ! มึงว่ายังไรนะอีผิน” ปริกนั่งอยู่ทะลึ่งพรวดขึ้นถาม พอผินพูดซ้ำก็เอ็ดว่าปากเสีย
แย้มยืนยันว่าพูดจริงแม่นายมาบอกเอง ปริกไม่รอช้าลุกพรวดวิ่งไปทางหอสมุด บ่าวคนอื่นวิ่งตาม ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาเห็นร่างการะเกดนอนหมดสติ ที่ข้างกายมีพานทองและสมุดข่อยตกอยู่ ทุกคนกรีดร้องจนคุณหญิงจำปาได้ยินสะดุ้งตกใจ
เรือขุนศรีวิสารวาจาเทียบท่า ได้ยินเสียงร้อง เสียงปริกดังกว่าใครก็ตกใจกระโจนขึ้นจากเรือด้วยคิดว่าแม่จะเป็นอะไร
คุณหญิงจำปาตามเข้ามาในหอสมุด ถามว่า “ผู้ใดเป็นอะไร เสียงดังกรี๊ดกร๊าดไปทั้งเรือน นั่นแม่การะเกดเหตุใดมานอนอยู่ที่นี่”
“แม่นายเจ้าขา แม่หญิงตายแล้วเจ้าค่ะ” ปริกรายงานเสียงสั่น
“นังปริก พูดจาอัปมงคลอย่างนี้อยากโดนหวายลงหลังรึ”
“ข้าเจ้ารักแม่หญิง ข้าเจ้ามิพูดจาแช่งชักแม่หญิงหรอกเจ้าค่ะ”
“อ้อ...เอ็งเปลี่ยนใจแล้วข้าไม่รู้ เอ้า...ถอยออกไปอย่ามุง นางจะหายใจมิออก” คุณหญิงจำปาหันไปสั่งจิกกับจวง เอาน้ำร้อนใส่กะละมังและให้ชงยาหอมมาด้วย พลันเห็นลูกชายมาถึง “พ่อเดช...นางเป็นลม แม่จะชงยาหอมให้กิน เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เย็นลง”
ท่านขุนไม่รอช้าปราดเข้าช้อนร่างการะเกด เอานิ้วอังที่จมูกแล้วใจหาย รีบอุ้มร่างปวกเปียกของเธอไปที่หอนอน และสั่งบ่าวตามออกหลวงเวชภักดีมาเดี๋ยวนี้ คุณหญิงจำปาปรามเบาๆ
ท่านขุนเสียงห้วนเข้ม “แม่การะเกดกำลังจะตาย คุณแม่ไม่เห็นฤา!”