ตอนที่ 1
ด้านการะเกดนั่งเจ็บใจ “พวกเอ็งได้ยินไหมทำไมไม่เป็นนังจันทร์วาด นังหญิงสาระแน คิดจะเทียบเคียงกู อยากเป็นแม่หญิงเคียงเรือนของคุณพี่เดชจนตัวซีดตัวสั่น มันต้องเจออย่างนี้ถึงจะสาสม ออกญาพ่อนางก็ช่างกะไรเอาลูกสาวมาเร่ขาย หน้าไม่อายทั้งพ่อและลูก”
ผินหวาดกลัวอีแดงจะเป็นผีมาหลอกหลอน การะเกดตวาดเหลวไหล ท่าทางเธอเหมือนมีอาการของโรคหอบ ทั้งผินและแย้มเป็นห่วง รักและซื่อสัตย์กับเธอมากจนแทบยอมตายแทนได้
เช้าตรู่ แย้มกับผินนอนไม่ค่อยหลับสีหน้าอมทุกข์ด้วยความกลัว ต่างจากการะเกดที่นอนหลับในสภาพไม่สำรวมเอาเสียเลย...ทั้งสองค่อยๆย่องลงจากเรือน เสียงหมื่นสุนทรเทวาเรียก
“อีผิน อีแย้ม...อีแดงตายแล้ว มึงสองคนร่วมมือกันกับนายมึงทำใช่หรือไม่...บอกมา!” ผินกับแย้มชะงัก พยายามเก็บอาการ หมอบส่ายหน้าไม่รู้ไม่เห็นอะไร จำปาสั่งให้ไปตามการะเกด ทั้งสองบอกว่ายังไม่ตื่น ทั้งท่านหมื่นและคุณหญิงส่ายหน้าเอือม สั่งปริกให้ไปปลุก
การะเกดโดนปลุกก็โวยวายด่าปริกลั่นห้อง...จำปาทนไม่ไหวกับกิริยาของการะเกด จึงบอกให้หมื่นสุนทรเทวาชำระความไป ตนจะไปวัดไชยเพราะมีเทศน์มหาชาติ
ระหว่างผลัดเปลี่ยนผ้า จำปาอดบ่นให้ปริกฟังไม่ได้ว่า “แม่การะเกดเป็นหลานท่านเจ้าคุณที่นั่งเมืองพระพิษณุโลก ท่านออกญามีคำสั่งสัญญาต่อพ่อของนางว่า จะให้ตบแต่งกับท่านหมื่น พ่อแม่นางตายหมดทั้งสองคน ข้าคิดว่าท่านออกญาคงไม่ทำลายสัญญาเพราะเป็นสหายรักกับพ่อของนาง...เออนังปริก เอ็งรู้หมดแล้ว ข้าจะพูดให้ฟังอีกทำไมวะนี่ เอ้า กรองสไบให้ข้าที”
ปริกเข้าไปจัดแจง...ขณะที่นั่งเรือไปวัด จำปาก็อดบ่นอย่างอ่อนใจให้ปริกฟังอีกไม่ได้ว่า หมื่นสุนทรเทวาไม่ถูกชะตากับการะเกดเอาเสียเลย เพราะนางไม่เอาการเอางาน ขี้เกียจตัวเป็นขน วาจาแข็งกระด้าง จิกใช้บ่าวไพร่... ปริกเอ่ยขึ้นว่า
“ถ้าเป็นบุพเพสันนิวาสก็ได้เป็นคู่ ถ้าไม่ใช่ก็แคล้วคลาด เชื่อบ่าวเถอะเจ้าค่ะแม่นาย”
“บุพเพสันนิวาส จริงสิ ใครก็ขัดขวางบุพเพสันนิวาสไม่ได้” จำปาเห็นจริง
เรือมาถึงวัดไชยพอดี ผู้คนเดินกันขวักไขว่พระปรางค์ พระอุโบสถสวยสง่าในยุคสมัยนี้
วัดไชยวัฒนารามในยุคปัจจุบันกลายเป็นซากปรักหักพัง เป็นประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ว่ายุคสมัยอยุธยารุ่งเรืองเพียงใด
เกศสุรางค์ นักโบราณคดีสาวร่างท้วมวัย 25 ปี หน้าตาธรรมดาแต่จิตใจดี มองโลกในแง่ดี เธอเดินมากับเรืองฤทธิ์ เพื่อนชายที่เธอหลงรักแต่เก็บงำไว้ในใจ ครั้นเดินมาไกลเธอบ่นว่าขาจะหลุดแล้ว ใกล้ค่ำด้วยมันน่ากลัว
“ เรียนโบราณคดีขุดค้นของโบราณไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แกยังกลัวผีอยู่อีกเหรอไอ้เกศ”
“ผีนะโว้ย ไม่ใช่เพื่อนเล่น จะไม่ให้กลัวได้ไง นี่ถามจริงแกคิดจะทำมิดีมิร้ายฉันรึเปล่า แอบชวนฉันไม่บอกคนอื่น มาไกลซะขนาดนี้”
“ทะลึ่ง...หวังสูงไปหน่อยนะแก หวังจะให้ฉันทำมิดีมิร้ายแกเหรอ ฝันไปเถอะว่ะ”
“อ้าว ทำไมไม่คิดล่ะว่าแกก็ฝันสูงเหมือนกัน ไปขุนตัวเองให้อ้วนเท่าฉันก่อนเถอะว้า” เกศสุรางค์รู้สึกเสียใจกับคำพูดของเรืองฤทธิ์ แต่พูดตลกกลบเกลื่อน
เรืองฤทธิ์หัวเราะก๊าก กอดคอเกศสุรางค์ราวเป็นเพื่อนชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในบริเวณวัดไชย แล้วต้องแปลกใจที่วันนี้คนน้อย หญิงสาวถามอีกว่าจะมาทำไม เพื่อนหนุ่มสาธยาย
“วันนี้พระจันทร์เต็มดวง เดี๋ยวคอยดู สวยตะลึงเลยแกเอ๋ย พระจันทร์สว่างกระจ่างอยู่บนฟ้า มีโครงสร้างที่สวยเพอร์เฟกต์ของวัดไชยเป็นฉาก”
“ใช่...ฝีมือคนโบราณหลายร้อยปีมาแล้วนะ ไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ฉันนับถืออัจฉริยะของมนุษย์จริงๆว่ะ” เกศสุรางค์นึกได้ แววตาอ่อนโยนลงทันที
กลับมาอีกยุคสมัย คุณหญิงจำปาไหว้พระเรียบร้อยก็ชวนปริกกลับเพราะคิดว่าป่านนี้หมื่นสุนทรเทวาคงชำระความการะเกดแล้วเสร็จ...แต่พอกลับมาถึงเรือน เห็นทุกคนยังรอการะเกดอยู่
“อะไรกันนี่! นี่แม่การะเกดยังไม่ออกมารึ จะต้องให้เข้าไปลากตัวออกมารึไง คุณพี่คะทนนิ่งอยู่ได้ฤาคะ”
ไม่ทันที่ออกญาจะตอบ การะเกดเดินเข้ามา อ้างว่าต้องอาบน้ำแต่งตัว จำปาทนไม่ไหว
“จะให้ข้าพูดอย่างไรดีถึงความน่าชังของออเจ้า... ยังไม่รู้ตัวอีก”