ตอนที่ 15
“ผมเข้ามานับครั้งได้สมัยเด็กๆ แต่วันนี้คล้ายมีบางอย่างบอกให้ผมพาคุณมาที่นี่”
“สตูดิโอของจิตรกร”
“ครับ บรรพบุรุษคนหนึ่งของผมเป็นจิตรกรที่วาดภาพนางในฝันของท่าน แต่เหมือนวาดไม่เสร็จ และคุณพ่อคุณแม่ผมก็เอาไปประมูลแล้ว”
“ไหนว่านางในฝัน แล้วทำไมถึงเอาไปประมูลคะ”
“เพราะผมฝันว่าจะได้พบเจอตัวจริงของเธอ และที่สุดผมก็ได้พบแล้ว”
พูดพลางดึงมือเธอมากุม วริศราต้องขืนไว้ แหวเสียงเขียว
“อย่าฉวยโอกาส! เอ๊ะ...นั่นภาพอะไรคะ ทำไมมีกระดาษคลุมไว้ฝุ่นเขลอะเชียว”
ตรินเดินไปเปิด แล้วก็ต้องตะลึงไปพร้อมกับวริศราเพราะใบหน้าผู้หญิงในภาพเหมือนเดือนดารามาก
“เธอคือใครคะ...ทำไม”
วริศราถามเสียงตะกุกตะกัก ตรินส่ายหน้าไม่รู้
“เธอน่าจะเป็นภรรยาบรรพบุรุษผมที่เป็นพี่ชายเจ้าของสตูดิโอนี้ แต่ทำไมเธอจึงเหมือนคุณหญิงเดือนดารานัก คงต้องไปถามคุณพ่อคุณแม่”
“ดีค่ะ เธอในภาพเหมือนราวกับนี่คือคุณแม่กลับชาติมาเกิด”
ตรินพยักหน้าก่อนหวนคิดถึงอดีต “ผมคงเคยมาเห็นภาพนี้ตอนเด็กๆ มิน่าตอนเจอคุณหญิงครั้งแรกที่งานประมูล ผมพยายามคิดมาตลอดว่าเคยพบคุณหญิงที่ไหน”
“แปลก...แปลกที่สุด หรือว่าคนเราเกิดมาหน้าตาเหมือนกันได้”
ooooooo
วริศราพักเรื่องภาพวาดหน้าเหมือนเดือนดาราไว้เพราะมีเรื่องตัวเองต้องคิดเมื่อเผชิญหน้ากับวิลาสินีตามลำพัง
“หนูกราบขอโทษเรื่องที่คุณแม่ท่าน เอ้อ...”
“คุณหญิงรักและห่วงใยหนูมาก และที่สำคัญที่สุด...ลูกชายของป้ารักหนู”
คำพูดของวิลาสินีทำให้วริศราหน้าแดงก่ำ วิลาสินีมองมาด้วยความเอ็นดู
“ไม่ต้องเขินอายหรอก เพราะคนเราได้มาพบเจอกันนั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่คือบุญและวาสนา”
“คุณป้าคิดเช่นนั้นหรือคะ หนูกราบขอบพระคุณมากค่ะที่คิดบวกกับหนู”
วิลาสินีชอบใจความสุภาพอ่อนโยนของวริศรา ตัดสินใจเล่าเรื่องตรินมาสารภาพรักให้ฟัง...
“ผมรักคุณเก๋ รักมานานแล้ว ตั้งแต่ยังไม่ได้พบหน้ากัน เธอมาในความฝันของผม เธอคือนางในฝันของผม ผมมั่นใจในวาสนาของผมและเธอที่มาเจอกันจริงๆอย่างเหลือเชื่อ”
“คงงั้นแหละลูก เหมือนที่พ่อกับแม่ก็งงเรื่องที่เกิดขึ้น และแม่เขานั่นแหละตั้งแง่ตั้งป้อมกับหนูเก๋ แต่พอมาเจอตัวจริงขนาดยังไม่ทันเอ่ยปากพูดแม่เขายังไปจูงมือหนูเก๋เลย”
“มันคงเป็นวาสนาที่เราได้มาเจอกันจริงๆ แม่ยังแปลกใจตัวเอง”
“ผมดีใจและขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่มากครับ”
ตรินก้มกราบพ่อแม่ ก่อนโถมตัวกอดวิลาสินีที่ขึ้นชื่อเรื่องหวงลูกชายคนเดียว
“ผมรักคุณแม่ เทิดทูนคุณแม่ยังไงก็ยังคงเป็นเช่นนั้นไม่มีเปลี่ยนแปรครับ”
วิลาสินีกอดตอบลูกชายน้ำตาซึม ชลิตปลื้มใจมากกอดทั้งแม่ทั้งลูกพร้อมอวยพร
“จงรักษาวาสนานี้ไว้ให้ยั่งยืนจนสิ้นสุดอายุขัย”
วริศราได้ฟังเรื่องราวของสามพ่อแม่ลูกก็ตื้นตันใจมาก วิลาสินีลูบศีรษะว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยความเอ็นดู
“ไม่ต้องวิตกกังวล ครอบครัวป้ายินดีต้อนรับหนู เรื่องทำโรงพยาบาลขอรับไว้พิจารณาแต่มีแนวโน้มว่าเราเห็นด้วย พรุ่งนี้ป้าจะพาหนูไปกราบพระที่เรานับถือเพื่อขอพรขอคำแนะนำที่เป็นสิริมงคลแก่ทุกคน”
“เก๋ขอบพระคุณมากค่ะ ขอบพระคุณแทนคุณแม่ด้วยค่ะ”
ooooooo