ตอนที่ 15
วริศรากับตรินไม่ยอมออกจากเรือนกระจกง่ายๆ เดือนดาราเลยตัดสินใจปรากฏตัวพร้อมประกาศจะส่งวริศราไปกรุงเทพฯพร้อมตรินที่มีกำหนดกลับวันรุ่งขึ้น
“คุณแม่พูดอะไรออกมาคะ”
“แม่จะส่งเก๋ไปเป็นทูตเชิญคุณหญิงแม่ของหมอมาเป็นหุ้นส่วนโรงพยาบาลเดือนดารา หมอตรินว่ายังไงคะ”
“ด้วยความยินดีและถือเป็นเกียรติสูงสุดครับผม”
ตรินลืมข้อสงสัยเรื่องเดือนดารามาทำอะไรดึกๆดื่นๆในเรือนกระจก สีหน้าตื่นเต้นมากจะได้พาวริศราไปกราบพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ วริศราก็อาการไม่ต่างกันแต่ยังปั้นหน้าตึงเพราะไม่ชอบใจที่ถูกบังคับ
เดือนดาราไม่ยี่หระอาการของลูกสาว ไล่วริศรากับตรินไปรอข้างนอกส่วนตัวเองจะอยู่เรือนกระจกอีกสักพัก สำลีรอจังหวะอยู่แล้ว ทันทีที่วริศรากับตรินลับตาก็ปรากฏตัว
“คุณหญิงเป็นสุดยอดความฉลาดของคนฉลาด จัดการทุกอย่างได้ยอดเยี่ยม กระผมเองยังนึกไม่ถึงขอรับ”
“ขอบใจที่ชม ฉันต้องกลับไปลุ้นนังพลอยมัน ขอให้มันยอมไปกับหมอ”
“ยังไงเธอก็พึงพอใจแต่เธออายเพราะความเป็นหญิง สองคนนั่นรักกันเข้าไปแล้วขอรับ”
“ฉันไม่อยากฟังเลย ทำไมใครๆก็รักแต่มัน”
“บุญทำกรรมแต่งขอรับ รีบกลับออกไปเถอะขอรับ สองคนนั่นจะสงสัยเอาขอรับ อ้อ...อีกอย่าง...ระหว่างนี้คุณหญิงไม่ควรไปรบกวนคุณท่านนะขอรับ ปล่อยท่านไว้ในนั้นจนกว่าจะถึงวันแห่งความสำเร็จ”
เดือนดาราชักสีหน้า “เพราะอะไร”
“กระผมต้องการให้คุณท่านมาอยู่ในร่างคุณเสริมด้วยความสงบ เราต้องสะกดวิญญาณคุณท่านให้สงบเพื่อไม่ให้ขัดขืนในการเป็นคุณเสริมขอรับ”
“ตกลง ฉันเชื่อลุง”
ooooooo
วริศรากับตรินรอไปส่งเดือนดาราที่ห้องพัก เดือนดาราเห็นแววตาสงสัยของทั้งสองเลยแกล้งบอกว่าชอบมานั่งสมาธิเพื่อสยบความเจ็บป่วยจะได้จากไปอย่างสงบเมื่อถึงเวลา
“คุณแม่พูดอะไรอย่างนั้นคะ คุณแม่ยังต้องอยู่กับพวกเก๋และทุกคนที่นี่ไปอีกนาน”
“คุณหญิงยังไม่แก่จนผมไม่คิดว่าคุณหญิงจะเป็นคุณแม่ของคุณเก๋ น่าจะเป็นพี่สาวหรือเพื่อนมากกว่า”
เดือนดาราพยักหน้า ยิ้มเย็น “ฉันคือแม่บุญธรรมของลูกเก๋และอีกสองคน ฉันอายุมากแล้ว รูปกายเป็นเพียงภาพภายนอกแต่จิตใจและสุขภาพคือความจริงของธรรมชาติ”
ตรินแอบรู้สึกผิด “ผมขอโทษที่พูดจาละลาบละล้วง”
วริศราส่ายหน้าและถือโอกาสลองใจตริน “ละลาบละล้วงความจริงจะเป็นไร คุณแม่เก็บฉันมาจากโรงพยาบาล คุณยังอยากพาฉันไปพบคุณแม่คุณอีกไหม ฉันก็แค่เด็กกำพร้าที่พ่อแม่ไม่ต้องการ”
เดือนดารารู้จุดประสงค์ของลูกสาว รีบไกล่เกลี่ย
“ลูกเก๋พูดเกินไป คนเราเลือกที่เกิดไม่ได้แต่เกิดแล้วงดงามทั้งกายใจนี่แหละสำคัญ หรือหมอตรินจะไม่เห็นด้วย”
“ผมเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์ครับ ผมขอถือ
โอกาสนี้สารภาพต่อหน้าคุณหญิงและขออนุญาตให้ช่วยเป็นพยานว่าผมรักคุณเก๋ รักมาตั้งแต่เธออยู่ในความฝันของผม เป็นนางในฝันที่มีตัวตนจริงๆของผม คุณเก๋ครับ...ผมรักคุณ”
คำสารภาพรักของเขาทำให้วริศราหัวใจพองโต พูดอะไรไม่ออกจนเดือนดาราต้องดึงมือเธอไปกุมมือตริน
“แม่ดีใจที่เก๋จะมีผู้ปกป้องคุ้มครองอย่างหมอ กลับไปกันเถอะ ไปจัดเสื้อผ้า ไปกรุงเทพฯในฐานะตัวแทนแม่เรื่องโรงพยาบาลคนผู้ยากไร้ของเรา เพื่อที่แม่จะได้นอนตายตาหลับและได้พบสามีผู้เป็นสุดที่รักของแม่ตลอดกาล”
ooooooo