ตอนที่ 13
พลันก็ชะงักเมื่อเห็นอ้อเดินหอบชุดของขวัญพรีเมียมกล่องใหญ่จะไปแจกลูกทัวร์มาเจออินทัช อินทัชเห็นก็รีบเข้าไปช่วย อ้อเกรงใจบอกให้เขาทำงานไปเถอะ อินทัชบอกว่าไม่เป็นไร งานตนใกล้เสร็จแล้ว เลยยื้อกล่องกันจนอ้อเกือบหงาย
อินทัชเข้าประคองไว้ทัน ความแนบชิดทำให้ต่างมองกันเขินๆ อ้อบอกว่าถ้าถ้วยชาแตกหนูดีดุอ้อแย่เลย อินทัชหัวเราะถามว่าคราวนี้ให้ตนช่วยได้หรือยัง อ้อยิ้ม ยื่นกล่องให้โดยดีแล้วเดินไปด้วยกันอย่างสนิทสนม โดยไม่รู้ว่าวินพัตราแอบมองอยู่
ooooooo
คณะทัวร์กลับไปด้วยความประทับใจการดูแลที่ดี อ้อขอกลับไปก่อน ขอบคุณวศินและอินทัชสำหรับทุกอย่าง วศินบอกอ้อว่าถึงแล้วโทร.บอกด้วย หนูดีบอกอ้อว่าแล้วค่อยเจอกันที่กรุงเทพฯ
ส่งทุกคนขึ้นรถแล้ว วศินชวนหนูดีกลับบ้านกันเถอะตนหิวข้าวแล้ว หนูดีเห็น ATV จอดอยู่ก็บอกว่าตนเดินกลับเองได้ วศินรบเร้าว่า “กลับเถอะน่า” แล้วดึงตัวหนูดีขึ้นซ้อน ATV กลับไปด้วยกันจนได้
วศินพาหนูดีไปตามทางสวยๆของไร่ชาเพื่อกลับบ้าน ทั้งสองชี้ชวนกันดูพระอาทิตย์กำลังจะตกที่สวยงามมาก ต่างยิ้มแย้มอย่างมีความสุข...
กลับถึงบ้านเย็นพอดี หนุ่มสาวเดินเข้าบ้าน พลันวศินก็นึกถึงคำเตือนของอินทัชที่ว่า “พี่ควรบอกคุณหนูดีให้รู้นะ” วศินถามว่าบอกเรื่องอะไร? “ก็ที่พี่ยื่นข้อเสนอให้คุณหนูดีมาทำงานใช้หนี้กับพี่น่ะ...
มันเพราะอะไรล่ะ...” วศินพูดหมั่นไส้ว่ารู้ดีนักนะ “ผมน่ะรู้ แต่ถ้าพี่ไม่บอกคุณหนูดีเขาจะรู้ไหมว่าพี่รู้สึกยังไงกับเขา”
คิดถึงคำเตือนของอินทัชแล้ว วศินตัดสินใจเรียกหนูดีไว้ก่อนที่เธอจะเข้าห้อง หนูดีถามว่ามีอะไรหรือ
“ผม...ผมมีเรื่องจะบอกคุณหนูดีครับ” พอหนูดีถามว่าเรื่องอะไร วศินนึกถึงที่ตนเคยพูดกับอินทัชไว้ แต่พูดได้แค่ว่า “คือผม...ที่ผมขอให้คุณมาทำงานด้วยก็เพราะ...”
“กลับมาแล้วเหรอคะหนูดี” เสียงอ้นทักขัดจังหวะขึ้นพร้อมกับเดินออกจากบ้านมาหาทั้งสอง หนูดีอึ้ง ถามว่าพี่อ้นมาได้ยังไง “พี่ไปหาหนูดีที่ไร่ชา เห็นคนงานบอกว่าหนูดีกลับมาที่บ้านแล้ว พี่เลยตามมาที่นี่ แต่ไม่เจอ หนูดีไปไหนมาเหรอคะ”
หนูดีไม่ทันตอบวศินก็ชิงบอกว่าตนชวนหนูดีไปดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน อ้นชักสีหน้าไม่พอใจบอกหนูดีว่าตนมารับหนูดีกลับกรุงเทพฯ
“พี่อ้นเข้าใจผิดรึเปล่าคะ หนูดียังทำงานไม่เสร็จ ยังไม่คิดจะกลับนะคะ”
“อะไรกันคะ...มีข่าวเสียๆหายๆแบบนี้ หนูดียังคิดจะอยู่ที่นี่ต่อเหรอคะ”
ทั้งหนูดีและวศินถามงงๆว่าข่าวอะไร?
เวลาเดียวกัน ภัสสรอยู่ที่บ้านกำลังเปิดมือถืออ่านข่าวหนูดีกับวศินและข่าวซุบซิบที่พาดหัว
“ศึกรักสายเลือดคงเป็นเรื่องจริง” ภัสสรอ่าน
เนื้อข่าวอย่างเร็ว...“ศึกสายเลือดคงเป็นเรื่องจริง เมื่อมีภาพหลุดของภัควดีคู่หมั้นอติศักดิ์ นั่งทานข้าวสนิทสนมกับพ่อเลี้ยงชัชชน น้องชายต่างมารดาของอติศักดิ์เอง”
วัฒน์เพิ่งกลับจากทำงานรีบถามแม่ว่าเห็นข่าวหนูดีหรือยัง ภัสสรพยักหน้าบ่นกึ่งด่าหน้าเครียด
“คนเดี๋ยวนี้มันว่างงานขนาดไปตามส่องชีวิตชาวบ้านกันขนาดนี้เลยเหรอ”
ooooooo
เรือนแก้วไม่เพียงแต่อ่านข่าวหนูดี หากยังเข้าถล่มด่าหนูดีอย่างสะใจ ภัสสรทนไม่ได้พิมพ์ข้อความโต้เถียงกับชาวเน็ตเอาเป็นเอาตาย พอโดนตอบโต้อย่างเผ็ดร้อนก็สงสารหนูดีร้องไห้โฮ จนวัฒน์เป็นห่วงกลัวแม่ความดันขึ้น ขอแม่อย่าร้องไห้เลยตนไม่อยากเห็นน้ำตาแม่
ฝ่ายอินทัชเชื่อว่าข่าวนี้ต้องเป็นฝีมืออ้นแน่ๆ เพราะเพิ่งแชร์ตอนกลางวัน พอเย็นอ้นก็มาถึงนี่แล้ว ทำเหมือนกับเตรียมการไว้แล้ว อังกาบบอกว่ายังไงก็ช่าง ทุกอย่างขึ้นกับการตัดสินใจของหนูดีคนเดียวเท่านั้น
วศินได้แต่เฝ้าสังเกตการณ์เครียด ลุ้นว่าหนูดีจะตัดสินใจยังไง จะอยู่หรือกลับไปกับอ้น?!
ที่อีกมุมหนึ่งในบ้าน อ้นกับหนูดีไปคุยกันตามลำพัง อ้นเปิดมือถือให้หนูดีดู พูดอย่างห่วงใย
“ข่าวเดี๋ยวนี้แชร์ไปเร็ว พอพี่เห็นข่าวก็ไม่สบายใจเลยรีบมาหาหนูดีที่นี่” อ้นถือโอกาสจับมือปลอบใจ “แต่หนูดีไม่ต้องคิดมากนะคะ พี่ไม่เชื่อข่าวพวกนี้หรอก พี่เชื่อใจหนูดีค่ะ”
“ถ้าพี่อ้นเชื่อใจหนูดี แล้วพี่อ้นจะมารับหนูดีกลับทำไมล่ะคะ”
“แหม...หนูดีคะ พี่เชื่อใจแต่ไม่ได้หมายความว่าสังคมจะคิดแบบพี่ ตอนนี้เริ่มมีกระแสวิจารณ์หนูดีไปในทางไม่ดีแล้วนะคะ พี่ว่าหนูดีกลับกรุงเทพฯ กับพี่ดีกว่าค่ะ”
“แล้วงานหนูดีล่ะคะ หนูดีมาที่นี่เพื่อทำงาน”
“งั้นหนูดีก็ลองเลือกเอาเถอะค่ะ ว่าจะอยู่ทำงานที่นี่ต่อแล้วทำให้ชื่อเสียงของตัวเองกับวงศ์ตระกูลเสื่อมเสียไปมากกว่านี้ หรือจะกลับไปกับพี่ให้เรื่องมันจบ”
ฟังแล้วหนูดีเครียด และเพียงโพล้เพล้ หนูดีก็บอกกับวศินต่อหน้าอ้นที่ยืนยิ้มในหน้าอย่างผู้ชนะว่า
“เอ่อ...พ่อเลี้ยงคะ คือฉันต้องกลับไปกับพี่อ้นแล้วล่ะค่ะ...ขอโทษด้วยนะคะที่ทำงานตามที่ตกลงกันจนจบไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ” วศินตอบอย่างสุภาพบุรุษทั้งที่ใจหาย “ผมเองก็เห็นด้วยว่าคุณควรกลับไป มันเป็นผลดีกับคุณมากกว่า”