ตอนที่ 13
กลับถึงบ้านกันก็ดึกแล้ว อินทัชบอกอังกาบกับหนูดีว่าคนอื่นคงนอนกันหมดแล้ว นายแม่กับหนูดีอยากทานอะไรไหม ตนจะไปดูในครัวให้ ทั้งอังกาบและหนูดีไม่หิวจึงจะแยกย้ายกันไปนอนเพราะเหนื่อยกันมากแล้ว
ส่วนอินทัชยังต้องเอาชุดกับของใช้จำเป็นไปให้วศิน อินทัชนึกได้เอามือถือของหนูดีที่คนงานตามเก็บมาได้คืนให้บอกว่าโชคดีที่ยังใช้ได้
อังกาบขอโทษหนูดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ขออย่าถือโทษโกรธแตนเลย หนูดีบอกว่าตนเข้าใจและไม่คิดจะโกรธแตนเลย ความจริงแล้วแตนน่าสงสารมาก
อังกาบขอบใจหนูดีและให้ไปนอนเสีย แต่พอหนูดีเข้าห้องนอนก็คิดถึงเรื่องที่แตนบอกว่าที่จริงตนไม่ได้ท้อง แต่ภัสสรกับสุดาวรรณสั่งให้ตนพูดแบบนั้นเพื่อหนูดีจะได้ไปจากวศินและก็เป็นแบบนั้นจริงๆ บอกหนูดีว่า
“แกมันโง่ ฉันก็โง่ที่คิดว่าจะทำให้พี่วศินรักได้ แต่ 10 ปีมาแล้ว พี่วศินก็ยังรักแก”
คิดแล้วอดไม่ได้ที่จะโทร.ไปถามแม่ทั้งที่ดึกแล้ว พอภัสสรรับสายก็บ่นว่าหายไปไหน แม่โทร.ไปสายแทบไหม้ทำไมไม่รับ รู้ไหมเกือบจะจองตั๋วเครื่องบินไปเชียงรายอยู่แล้ว หนูดีบอกว่าเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นนิดหน่อยแต่ตนปลอดภัยดี แล้วถามปัญหาที่ค้างคาใจว่า
“เมื่อสิบปีที่แล้วแตนไม่ได้ท้อง แม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหมคะ”
“แม่ขอโทษลูก มันเป็นแผนของคุณสุกับแม่เอง เราต้องการแยกลูกออกจากวศินถึงต้องทำให้ลูกเข้าใจผิด วศิน” หนูดีอึ้ง ถามว่าหมายความว่าตนเข้าใจผิดมาตลอดเลยหรือ? “แม่ขอโทษจริงๆหนูดี”
หลังจากยอมรับความจริงกับหนูดีแล้ว ภัสสรรู้สึกผิดคิดมากเสียใจจนร้องไห้ วัฒน์ถามแม่ว่าเป็นอะไร ภัสสรบอกวัฒน์ทั้งน้ำตาว่า
“เพราะแม่ ชีวิตลูกๆถึงพัง แม่พยายามกำหนดกฎเกณฑ์ให้ลูกใช้ชีวิตตามที่แม่เห็นว่าดีในความคิดของแม่ แต่จริงๆแม่มันโง่ แม่โง่จริงๆ ถ้าแม่เชื่อคำเตือนของคุณพ่อ ชีวิตของลูกๆก็คงไม่เป็นแบบนี้”
“ทำไมแม่คิดแบบนั้นล่ะครับ ไม่จริงเลย แม่ดูแลวัฒน์เป็นอย่างดี”
“วัฒน์ก็น่าจะรู้ว่ามันไม่จริง ถ้าแม่ดูแลลูกดีจริงๆลูกคงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ส่วนหนูดีก็ได้เลือกใช้ชีวิตกับคนที่ตัวเองรัก ไม่ต้องทุกข์ทรมานกับคู่หมั้นที่แม่เลือกให้ ทุกอย่างเป็นเพราะแม่เอง เพราะแม่เจ้ากี้เจ้าการเอง”
ภัสสรร้องไห้โฮเสียใจกับการกระทำในอดีตของตน วัฒน์ได้แต่กอดแม่ไว้ด้วยความสงสาร...
ooooooo
หลังจากอินทัชกลับจากเอาของไปให้วศินที่โรงพยาบาลแล้ว บอกหนูดีว่า
“ระหว่างที่พี่วศินไม่อยู่ เขาบอกให้คุณหนูดีลองเลือกว่าอยากทำงานฝ่ายไหน...ผมบอกพนักงานไว้แล้ว คุณหนูดีลองดูนะครับว่าสนใจอยากทำงานไหน ถ้าพี่วศินกลับมาจะได้บอก”
หนูดีพยักหน้า อินทัชจึงขอตัวไปรับวศินที่เชียงใหม่ หนูดีอวยพรให้เดินทางปลอดภัย พออินทัชไปแล้วหนูดีถอนใจบอกตัวเองว่า
“จะคิดมากทำไมหนูดี ก็เธอเป็นคนบอกเขาเอง ไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากเป็นผู้ช่วยเขาแล้ว...แบบนี้แหละถูกต้องที่สุด”
จากนั้นหนูดีก็ไปเรียนรู้งานจากพนักงานในโซนต่างๆของไร่ชา นับแต่การขายของฝาก การฝึกชงชาจนถึงโซนอาหาร...
เมื่อว่างจากการเรียนรู้งานในโซนต่างๆ หนูดีอยู่คนเดียวก็อดคิดไม่ได้ว่า...
“นี่เราโกรธนายสาคูทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คนที่ผิดคือเราแท้ๆ”
พอดีอังกาบมาเห็นหนูดียืนเศร้าอยู่นาน ถามว่ามีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า หนูดีตัดสินใจถามว่า
“คุณน้าคะ เมื่อสิบปีก่อน ตอนที่คุณน้าเจอนายสา...เอ่อ...พี่วศินครั้งแรก เขาเป็นยังไงบ้างคะ”
“ถ้าหนูหมายถึงสภาพจิตใจ น้าว่าแย่จ้ะ ตอนที่เจอน้า วศินเหมือนคนที่สูญเสียทุกอย่างในชีวิตไป ไม่มีที่พึ่ง ไม่รู้จะไปทางไหน แถมยังต้องดูแลรับผิดชอบชีวิตของแตนอีก”
หนูดีฟังแล้วยิ่งรู้สึกว่าตัวเองผิด...
“แต่หนูรู้ไหม...ทั้งๆที่ตัวเองเป็นแบบนั้น วศินเขาก็ยังช่วยน้าอีกหลายครั้ง ทั้งช่วยชีวิต ช่วยเรื่องธุรกิจ แถมยังอยู่ข้างๆน้าในวันที่ไม่เหลือใครเลยอีก”
“นั่นแหละค่ะ นายสาคูที่หนูดีเคยรู้จัก”
“หนูดี...หนูรู้ไหมจ๊ะว่าน้าเคยอยากเห็นหน้าหนูมาตลอด”
“น้าอยากเห็นหน้าหนู มีอะไรเหรอคะ?”
“เพราะวศินบอกกับน้าว่า นอกจากแม่ของเขา ก็มีหนูนี่แหละที่ทำให้เขาอยากเป็นคนดี วศินน่ะ เขาพยายามทำตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อให้เหมาะสมและ
มีคุณค่าเท่าเทียมกับหนูนะ”
หนูดีฟังแล้วอึ้ง อังกาบยิ้ม ปล่อยให้หนูดีอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง...
ooooooo
วศินพาแตนไปโรงพยาบาลจิตเวชที่เชียงใหม่ แตนนอนหลับเพราะฤทธิ์ยา แต่เมื่อค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นวศินนั่งเฝ้าอยู่ ถามว่า “พี่วศินยังไม่กลับไร่เหรอคะ”
“พี่รอแตนตื่นก่อน”
“พี่กลับเถอะ เดี๋ยวจะถึงมืด” วศินถามว่า
แตนอยู่ได้ใช่ไหม แตนพยักหน้า “ไม่ต้องเป็นห่วง แตนอยู่ได้”
วศินบอกว่ามีอะไรให้โทร.หาได้ตลอดนะ พอแตนขอโทษ วศินปลอบว่า
“ไม่เอาแตนอย่าคิดมาก รักษาตัวให้หายจะได้กลับบ้านเรากันนะ”
แตนพยักหน้า วศินยิ้มให้อย่างอบอุ่น และเมื่อเขาไปพบหมอ หมอบอกว่าไม่ต้องห่วง เคสของแตนยังไม่น่าเป็นห่วง คนไข้ก็ให้ความร่วมมืออยากรักษาเต็มที่ หมอคาดว่าอีกไม่นานต้องหายแน่