ตอนที่ 1
พอวิ่งไปถึง เห็นแขกของโรงแรมคนนั้นกำลังชักตาเหลือก วศินวิ่งเข้าไปพลางบอก
“ขอทางหน่อยครับ ผมเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 3”
พอเข้าไปดูอาการของคนไข้ วศินรู้ว่าเป็นอาการของลมบ้าหมูและคนไข้ไม่มีสติแล้ว เขาปฐมพยาบาลพลางบอกคนที่มามุงว่าขออากาศให้คนไข้หน่อยและให้โทร.เรียกรถพยาบาลด่วน
หนูดีมาลุ้นการช่วยคนไข้ของวศินอยู่ อ้นวิ่งตามมาร้องเรียกหนูดี แต่หนูดีไม่สนใจเพราะมัว โทร.เรียกรถพยาบาลและลุ้นวศินช่วยคนป่วยอยู่
อ้นเห็นดังนั้นอยากเรียกร้องความสนใจบ้างทำเป็นผู้รู้ตะโกนสั่ง
“นี่ใครก็ได้เอาช้อนมางัดปากซิ เดี๋ยวก็กัดลิ้นกันพอดี!”
“ไม่ได้ครับ ทำแบบนั้นคนไข้อาจจะบาดเจ็บที่ปากและฟันก็ได้” เช็กอาการคนไข้อีกทีแล้วบอกว่า “ไม่ต้องห่วงครับ คนไข้ยังไม่ได้กัดลิ้นตัวเอง”
ครู่เดียวคนไข้เริ่มหยุดชัก สีหน้าดีขึ้น ทุกคนถอนใจโล่งอก ต่างปรบมือชื่นชมวศิน อ้นยิ่งหมั่นไส้
สรวิชญ์ สุดาวรรณ กับอรศรีหรืออ้อ กำลังเดินตรวจความเรียบร้อยที่หน้าห้องจัดงานก็ได้รับรายงานจากเลขาว่ามีแขกชัก ทุกคนตกใจมากรีบไปยังที่เกิดเหตุ เห็นบุรุษพยาบาลกำลังเข็นเตียงคนไข้ออกไปโดยมีวศินตามไปส่งที่รถ อ้อเห็นหนูดีจึงเข้าไปทัก ผู้จัดการโรงแรมรายงานสรวิชญ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นบอกว่าไม่มีอะไรแล้วเราปฐมพยาบาลได้ทันเวลา เล่าอย่างตื่นเต้นว่า
“โชคดีที่เด็กเบลบอยคนใหม่ของเราช่วยเอาไว้ เขาเป็นนักศึกษาแพทย์มารับจ๊อบพิเศษ”
“นี่เรามีเบลบอยเป็นถึงนักศึกษาแพทย์เลยเหรอคะเนี่ย” สุดาวรรณชื่นชมมาก อ้นยิ่งเซ็งที่แม้แต่แม่ก็ชื่นชมเบลบอย แต่อ้อบอกว่าตนชักอยากเห็นหน้าเสียแล้ว สรวิชญ์บอกผู้จัดการให้ไปเรียกมาหน่อยตนอยากขอบคุณเขา
พอผู้จัดการไปตามตัววศินมา อ้อถึงกับอุทาน “รุ่นพี่...” สุดาวรรณที่เพิ่งไปแอบดูร้านของวาดเห็นก็จำวศินได้ ถึงกับช็อก หันมองสรวิชญ์ขวับ สรวิชญ์ยิ้มอย่างชื่นชมแต่จำไม่ได้...ชมว่าเก่ง ถามว่าเรียนหมอหรือ พ่อแม่โชคดีมากที่ได้เขาเป็นลูก น่าภูมิใจแทนจริงๆ
วศินขอบคุณ อ้อบอกพ่อว่าพี่เขาเป็นรุ่นพี่กับตนและหนูดีที่มหาวิทยาลัย สรวิชญ์ถามว่าจริงหรือ แล้วชื่ออะไรล่ะ
“ชื่อ...”
วศินไม่ทันบอกชื่อ สุดาวรรณก็ขัดขึ้นบอกสรวิชญ์ว่าแขกเริ่มทยอยมากันแล้วพลางมองไปทางภัสสร ภัควัฒน์และกลุ่มคุณหญิงคุณนายเพื่อน
สุดาวรรณที่เดินตามกันมา เร่งสรวิชญ์ให้ไปรับแขกกันเดี๋ยวจะเสียมารยาท สรวิชญ์จึงฝากผู้จัดการให้รางวัลเด็กด้วย
“ผมรับไม่ได้ครับ ขอโทษครับ การอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น คือหน้าที่ของคนที่จะเป็นหมออยู่แล้วครับ”
“ถ้าพี่เขาไม่อยากได้เราก็อย่าไปฝืนใจเขาเลยนะคะคุณลุง ความจริงพี่เขาหาเงินเก่งจะตาย” หนูดีพูดแทรกขึ้น สุดาวรรณเห็นด้วยทันทีแล้วเร่งให้ไปรับแขกกันดีกว่า
เมื่อไปเจอกัน สุดาวรรณขอบคุณภัสสรที่มา ภัสสรแสดงความยินดีกับอ้นที่เรียนจบแล้วกลับมาช่วยคุณพ่อบริหารงาน พูดปูทางว่า “อีกหน่อยก็คงจะเตรียมตัวมีครอบครัวได้แล้วนะคะคุณสุ”
สุดาวรรณรับลูกอย่างรู้กันว่าต้องรอให้หนูดีเรียนจบเสียก่อน ทำเป็นถามว่าว่าไหมอ้น อ้นรีบตอบทันทีว่ายังไงตนก็ต้องรอหนูดีคนเดียวอยู่แล้วพลางส่งสายตาหวานให้หนูดี แต่หนูดีทำเป็นไม่ได้ยิน สรวิชญ์จึงชวนไปที่ห้องจัดเลี้ยงกันดีกว่า ทุกคนจึงเดินตามกันไป
วศินมองตามไปอย่างสนใจ เห็นหนูดีอยู่ในกลุ่มไฮโซหันมาทำหน้าทะเล้นใส่ก็หน้าเจื่อน รู้ว่าตนเข้าใจเธอผิดตลอดมา
ooooooo
คืนนี้สรวิชญ์ในชุดนอนออกมายืนเหม่อคิดถึงใบหน้าวศินอย่างติดใจสงสัย สุดาวรรณในชุดนอนเช่นกันออกมาทักว่าคิดอะไรอยู่หรือ เขาบอกว่าแค่เหนื่อยเลยนอนไม่ค่อยหลับ
สุดาวรรณที่ยังติดใจคำพูดของสรวิชญ์ที่พูดกับวศินที่ว่า “พ่อแม่เธอโชคดีมากที่ได้เธอเป็นลูก น่าภูมิใจแทนนะ” พูดผสมโรงเพื่อนำสู่เรื่องที่ตนอยากพูดว่า ตนก็นอนไม่หลับนึกถึงเด็กคนนั้น นักศึกษาแพทย์ที่มาช่วยชีวิตแขกของเรา สรวิชญ์พาซื่อบอกว่าตนก็เหมือนกัน รู้สึกถูกชะตาเด็กคนนี้ยังไงบอกไม่ถูก
“น่าจะอยู่รุ่นราวคราวเดียวกับวศินเลยนะคะ” พูดหยั่งเชิงแล้วแกล้งพูดยั่ว “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆวาดก็น่าชื่นชมมากนะคะ เขาใจแข็งจริงๆ ยอมเลี้ยงลูกคนเดียว ยอมให้ลูกไม่มีพ่อ แต่ไม่ยอมกลับมาที่นี่”
ได้ผล...สรวิชญ์ฉุนขึ้นมาทันที ดูถูกว่าเด็กนั่นไม่มีทางใช่วศิน คนอย่างนังวาดไม่มีทางเลี้ยงลูกให้ดีได้ทั้งยังเหยียดหยามว่า “พนันเลย ผมว่าป่านนี้ถ้าไม่ติดยาก็กลายเป็นขโมยขโจรไปแล้วมั้ง” พูดแล้วขอเข้าไปนอนก่อนเพราะรู้สึกง่วงแล้ว
สุดาวรรณยิ้มสมใจที่พูดจี้ใจดำสรวิชญ์ได้สำเร็จ พึมพำ “ร้ายนักนะนังวาด คิดจะส่งลูกกลับมาทำให้พ่อใจอ่อนเหรอ แผนตื้นๆแบบนี้คิดว่าฉันรู้ไม่ทันรึไง...ไม่มีทาง!!” แล้วจิกตาคิดแผนร้ายในใจ
คืนนี้เมื่อวศินเลิกงาน รุ่นพี่ถามว่าจะกลับแล้วหรือ เขาบอกว่าพรุ่งนี้มาหลังเลิกเรียน รุ่นพี่ชมว่าขยันทำงานด้วยเรียนด้วย วศินบอกว่า “ผมไม่อยากให้แม่เหนื่อยครับ” รุ่นพี่ขอให้สู้ๆ ได้เป็นหมอแม่ก็สบายแล้ว
วศินไหว้ขอบคุณแล้วลากลับ รุ่นพี่คนนั้นมองตามอย่างชื่นชมเอ็นดู
Powered by Froala Editor