ตอนที่ 1
“ไร่เวียงชาวดิน” เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามของจังหวัดเชียงราย มีไร่ชาขนาดใหญ่ มีทุ่งดอกไม้ที่เป็นธรรมชาติและมีโซนเครื่องเล่นหลากหลาย ที่ซุ้มประตูมีป้ายขนาดใหญ่ว่า
“ความสุขเกิดขึ้นที่นี่...ไร่เวียงชาวดิน”
นักท่องเที่ยวกำลังชื่นชมกับไร่ชาที่กว้างใหญ่อย่างมีความสุข เสียงพิธีกรกองถ่ายก็ทักทาย
นักท่องเที่ยวและแนะนำไร่ชาที่สร้างชื่อเสียงขจรขจายทั่วโลกในนาม “ชาแบรนด์เวียงชาวดิน” โดยมีแตนในชุดสวยยืนหน้าแฉล้มอยู่หลังกล้อง
ขณะที่บรรยากาศกำลังดี ธรรมชาติกำลังสวย และนักท่องเที่ยวกำลังเพลิดเพลินนั้น ก็เกิดเหตุไม่คาดคิด มีเสียงตะโกนขึ้นอย่างตระหนก ตึงเครียด...
“หลีกไป!! หลีก!!!”
ทันใดก็มีม้าพยศตัวหนึ่งควบทะลวงเข้ามา ผู้คนตกใจแตกกระเจิง พลันม้าอีกตัวที่วศินขี่ก็ทะยานเข้ามา แตนอุทาน “พ่อเลี้ยง!!” ผู้กำกับสั่งตากล้องให้เก็บภาพไว้ ถ่ายไว้เร็ว ตากล้องเก็บภาพวศินควบม้าสุดเท่ผ่านไปอย่างมืออาชีพ
ไม่ทันได้ตั้งตัวกัน อินทัชผู้ช่วยวศินก็ขี่ม้าอีกตัวเข้ามา แตนถามว่าเป็นอะไรกัน เขาบอกว่าม้าตัวใหม่มันพยศ แล้วชักม้าตามวศินไปด้วยความเป็นห่วง
จนถึงอีกมุมหนึ่งในไร่...วศินกับอินทัชควบม้าประกบม้าพยศแต่มันยังไม่หยุด แตนกับทีมงานรายการนั่งรถกอล์ฟตามเก็บภาพการปราบม้าพยศอย่างตื่นเต้น
วศินอยู่บนหลังม้าตะโกนบอกอินทัชว่าเดี๋ยวตนจัดการเอง แล้วควบม้าเข้าเทียบม้าพยศเพื่อหาทางขึ้นขี่หลังมันให้ได้ แตนเป็นห่วงมากตะโกน “พ่อเลี้ยงระวังนะคะ” ในขณะที่ตากล้องยังจับภาพไว้ทุกวินาที
พริบตาเดียว วศินก็กระโดดขึ้นหลังม้าพยศได้อย่างน่าหวาดเสียว มันพยายามสะบัดแต่วศินก็ไม่ตก ในที่สุดเขาก็ปราบม้าพยศได้อยู่หมัด ขี่มันเข้ามาในกลุ่มอย่างเท่ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องดีใจของทุกคน
ooooooo
เวลาเดียวกันนั้น ที่โรงแรมศิริเสนี สรวิชญ์เจ้าของโรงแรมพ่อของวศิน กำลังวิ่งหนีกลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดพนักงานโรงแรมสุดชีวิต เมื่อจวนตัวเขาจึงเปิดประตูบันไดหนีไฟวิ่งออกไป
ชายฉกรรจ์วิ่งตามไปแต่ไม่เห็นสรวิชญ์แล้ว พวกมันจึงวิ่งไปทางอื่น เมื่อพวกมันไปแล้ว สรวิชญ์จึงโผล่ออกมาจากหลังรถเข็นผ้าคลุมเตียงกองสูงอย่างโล่งใจที่รอดตายหวุดหวิด
ขณะทุกคนที่ไร่กำลังตื่นเต้นชื่นชมการปราบม้าพยศของวศิน โปรดิวเซอร์ถึงกับวิ่งไปหาวศิน
ขอสัมภาษณ์ออกรายการ แต่เขาบอกว่าไม่สะดวกจริงๆ แตนช่วยพูดว่าพ่อเลี้ยงมีงานสำคัญจะต้องไปจัดการต่อ วศินบอกโปรดิวเซอร์ว่า “ยังไงให้ผู้ช่วยผมให้สัมภาษณ์แทนก็ได้นะครับ” แล้วเรียกอินทัชมา ฝากดูแลให้ด้วย
พอเลี่ยงออกมา เสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาเปิดดูเห็นชื่อ “คุณสรวิชญ์” แตนที่เดินตามมาสอดตาดูพอเห็นชื่อสรวิชญ์ก็ถามว่า “พ่อพี่โทร.มาทำไม?” วศินไม่ตอบแต่รีบรับสาย
“ครับ คุณสรวิชญ์...”
เสียงสรวิชญ์พูดมาอย่างตื่นตระหนกและเหนื่อยหอบว่า “วศิน...ช่วยพ่อด้วย” เขาตกใจถามว่าเกิดอะไรขึ้น สรวิชญ์บอกว่ามีคนตามพ่ออยู่ แต่คิดว่าเขาอยากให้พ่อตาย เร่งวศินอย่างหวาดผวาว่า
“วศิน พ่อต้องการคุยกับลูก แต่ตอนนี้ยังคุยไม่ได้ ลูกมาหาพ่อได้ไหม เราต้องคุยกัน”
“ครับ ผมจะรีบไปหาคุณเดี๋ยวนี้”
“เจอกันที่เรือนเล็กหลังบ้านนะลูก พ่อมีหลักฐานสำคัญจะให้ลูกเก็บไว้” พูดแล้ววางสายรีบออกไปทันที
พอวางสาย วศินสั่งแตนให้ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ตนเร็วที่สุด ตนต้องไปถึงกรุงเทพฯภายในวันนี้ แตนรับคำแล้ววิ่งออกไปทันที วศินยืนเป็นห่วงว้าวุ่นใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสรวิชญ์ พ่อที่เขาไม่เคยเรียกว่า...พ่อ
ooooooo
ที่เรือนเล็กบ้านศิริเสนี...พายุฝนกำลังกระหน่ำอย่างแรง วศินนั่งแท็กซี่มาจอดประตูหลังที่ใกล้เรือนเล็กที่สุดแล้ววิ่งไปที่เรือนเล็กอย่างร้อนใจเนื้อตัวเปียกปอน พอเข้าบ้านก็เปิดไฟร้องเรียก
“คุณครับ...คุณ ผมมาแล้วครับ...คุณ...”
ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงประตูหน้าต่างเปิดปิดปึงปังเพราะแรงลม เขาจึงตรงไปที่ห้องทำงานของสรวิชญ์ แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ตกใจสุดขีดเมื่อเห็นร่างของสรวิชญ์นอนจมกองเลือดอยู่ เขาพุ่งเข้าไปจับชีพจรจึงรู้ว่าตายแล้ว เขาช็อกตะโกนอย่างสติแตก...
“คุณ!!! ไม่จริง!! คุณต้องไม่ตาย ไหนคุณบอกว่าอยากคุยกับผม ผมมาแล้ว ผมมาแล้ว...” วศินเขย่าตัวสรวิชญ์พยายามจะให้เขารู้สึกตัว พร่ำบอก “คุณเคยบอกว่าอยากให้ผมเรียกว่าพ่อไม่ใช่หรือ? พ่อ...ผมเรียกแล้ว คุณตื่นขึ้นมาฟังผมก่อนสิ พ่อ...พ่อครับ...พ่อ!!!”
วศินตะโกนสุดเสียงกอดร่างสรวิชญ์แน่น
ขณะที่วศินอยู่ในภวังค์เศร้าโศกเสียใจอย่างที่สุดนั้น เบื้องหลังเขามีร่างหนึ่งย่องออกจากที่ซ่อน วศินรู้ตัวกำลังหันไปดูก็ถูกของแข็งฟาดที่ท้ายทอยอย่างแรง เขาฟุบหมดสติไปข้างร่างของสรวิชญ์นั่นเอง
จนรุ่งเช้า ขณะวศินเริ่มรู้สึกตัว เขาได้ยินเสียงไขกุญแจห้องก๊อกแก๊ก...ก๊อกแก๊ก...
ที่หน้าห้อง อรศรีหรืออ้อ ลูกสาวคนเล็กของสุดาวรรณภรรยาเอกของสรวิชญ์กำลังไขกุญแจห้อง มีอติศักดิ์พี่ชายยืนเร่งอยู่ข้างๆ อึดใจเดียวพวงมณีน้องสาวของสุดาวรรณวิ่งหน้าตื่นเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
Powered by Froala Editor