ตอนที่ 1
“คุณ!!” วาดหันขวับมองสุดาวรรณอย่างโกรธจัด เสียงดังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จนวศินได้ยินบอกป้าถวิลว่านั่นเสียงแม่วาด ถวิลหน้าเสียบอกให้วศินอยู่ตรงนี้ก่อนตนจะไปหาคุณแม่ วศินวิ่งตามขอไปด้วย...
ในห้องนั่งเล่นบรรยากาศกำลังคุจัด สรวิชญ์ปรามวาดอย่าเสียมารยาทกับคุณสุ สุดาวรรณได้ทีท้าวาดว่าถ้าสิ่งที่ตนพูดไม่เป็นความจริงก็แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ได้อยากได้อะไรจริงๆ ถามสรวิชญ์ว่าจริงไหม
วาดอ่านเจตนาสุดาวรรณออก พูดแทรกอย่างรู้ทันว่า
“ฉันเข้าใจคุณแล้วค่ะ เข้าใจแล้ว!” แล้วหันบอกสรวิชญ์ “ได้ค่ะ ถ้างั้นวาดขอแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการไม่รับมรดกใดๆทั้งสิ้นจากคุณท่าน คงพอใจกันแล้วนะคะ”
สรวิชญ์ขอให้วาดเข้าใจตนด้วย ขอให้รอตนหาตัวเจ้าของขวดยานี้ได้ก่อน ให้ตนมั่นใจว่ายานี่ไม่ใช่ฝีมือเธอแล้วตนจะคืนทุกอย่างให้เธอกับลูกเอง วาดมองขวับ ปฏิเสธว่าอย่าเลย ตนไม่ได้คิดหวังอยากได้อะไรอยู่แล้ว อย่าหาตัวคนผิดเลยเพราะเขาจะผิดหวังเปล่าๆ มองหน้าสุดาวรรณเป็นนัยแล้วพูดเด็ดขาดว่า
“เรื่องมรดกของคุณจัดการกับทนายเองแล้วกันนะคะ ส่วนวาดจะพาวศินออกไปจากบ้านหลังนี้...ในเมื่อบ้านหลังนี้ไม่มีคุณท่านแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่วาดกับลูกต้องอยู่ที่นี่อีก”
สรวิชญ์ทั้งโกรธและตกใจถามว่านี่เธอคิดเอาไว้แล้วหรือ ฝ่ายสุดาวรรณซ่อนความสะใจไว้เกือบไม่อยู่ทำเป็นถามว่าออกไปแล้วจะอยู่กันยังไง
“วาดอยู่ได้ค่ะ และคงมีความสุขมากกว่าอยู่บ้านหลังนี้เพราะไม่มีใครจ้องหาเรื่องเราตลอดเวลา!!”
สรวิชญ์ด่าว่าจองหอง อวดดี อยากไปก็ไปแล้วอย่าคิดเอาอะไรจากบ้านหลังนี้ไปด้วย “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงค่ะ วาดมาแต่ตัวก็จะขอออกไปแต่ตัว!!” วาดตอบอย่างอหังการ
“ดี!! ฉันจะดูซิว่าเธอจะไปได้สักกี่น้ำ” สรวิชญ์ปรามาส
วาดมองสรวิชญ์น้ำตาท่วมที่เขาไม่รั้งตนไว้แม้แต่น้อย ก็พอดีถวิลกับวศินเข้ามา วาดบอกให้ลูกไปกราบลาคุณพ่อเสีย วศินในวัย 5 ขวบเดินเข้าไปกราบสรวิชญ์งงๆ
สรวิชญ์ก็มองลูกอย่างสงสาร แต่พอเงยขึ้นเห็นวาดไม่มองมาเลยก็โมโหลุกเดินปึงปังออกไป
สุดาวรรณแอบยิ้มสะใจที่ทุกอย่างดีเกินกว่าที่ตนคาดการณ์ไว้...
วาดตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า จูงมือวศินออกจากบ้านมีกระเป๋าสะพายเพียงใบเดียว ถวิลมายืนส่งต่างจุกพูดไม่ออก ได้แต่กอดลากันน้ำตานองหน้า...
ที่มุมลับตา สรวิชญ์แอบมองสองแม่ลูกจากไป สีหน้าไม่สบายใจ เป็นห่วง แต่ยังมีทิฐิ
ooooooo
วาดออกมาทำสาคูไส้หมูกับข้าวเกรียบปากหม้อขาย จนวศินอายุ 8 ขวบ ก็ช่วยแม่ร้องขายและเอาขนมไปส่งลูกค้าประจำได้แล้ว วาดสงสารลูกจับใจ มองตามวศินตัวน้อยที่วิ่งส่งขนม พึมพำ
“ขอโทษนะวศิน ลูกต้องลำบากเพราะเกิดมาเป็นลูกแม่แท้ๆ”
วันนี้วศินในวัย 20 โตเป็นหนุ่มแล้วและกำลังเป็นนักศึกษาแพทย์ เขาช่วยแม่ทำขนมและขายขนมได้มากขึ้น เขายังส่งขนมกับพ่อค้าแม่ค้าเจ้าประจำและกระเดียดกระจาดเดินร้องขายเป็นที่คุ้นหูคุ้นตาของผู้คนละแวกนั้น
“สาคูไส้หมูแม่วาดมาแล้วจ้า...”
“สาคูชุดนึง”
“ได้เลยครับ” วศินหยิบสาคูที่จัดเป็นชุดไว้แล้วส่งให้ พอเห็นหน้าลูกค้าเต็มตา วศินอุทาน “ลุงวรกิจ”
วรกิจยิ้มกว้างมองวศินอย่างใจดี ชื่นชม วศินนึกถึงเมื่อ 3 ปีก่อน ขณะนั้นเขาอายุ 17-18 วาดมีร้านอาหารตามสั่งเล็กๆแต่สะอาดดูดีเป็นของตัวเอง ที่มุมหนึ่งของร้านมีหม้อขายสาคูไส้หมู ข้าวเกรียบปากหม้อ วศินทำอาหารตามสั่งได้อย่างคล่องแคล่ว มีแตนเป็นผู้ช่วย รับออเดอร์และดูแลลูกค้าอย่างเอาการเอางาน
วันนั้นวรกิจไปที่ร้าน วาดเอาน้ำไปเสิร์ฟถามว่าคุณวรกิจมาตรวจตลาดหรือ เขาบอกว่านานๆมาที มองแตนที่กำลังดูแลลูกค้าอย่างกระตือรือร้น ถามว่า “เด็กคนนี้ที่บอกว่ามาเป็นลมที่หน้าร้านวาดหรือ?”
“ชื่อแตนค่ะ เป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ตายหมดเลยออกจากบ้านมาหางานทำในกรุงเทพฯ แต่เกือบโดนหลอกไปขายตัว โชคดีที่หนีมาได้ วาดเลยรับไว้ทำงานน่ะค่ะ”
“ดีแล้ว เผลอแป๊บเดียววศินโตขึ้นเยอะเลยนะวาด นี่อยู่ปีอะไรแล้วนะ?”
“ปี 3 ค่ะ เขาอยากเป็นหมอ ชีวิตวาดก็มีลูกนี่แหละที่เป็นสิ่งดีๆในชีวิต” วรกิจถามว่าวาด
ไม่คิดจะกลับไปบ้านนั้นอีกหรือ วาดตอบไม่ลังเลว่า “ทุกวันนี้วาดมีความสุขดี วาดไม่คิดกลับไปที่นั่นอีกแล้วค่ะ”
ooooooo
วาดคิดถึงวันที่จูงวศินวัย 5 ขวบออกจากบ้านศิริเสนีที่ใหญ่โตอย่างยอมไปตายเอาดาบหน้า สองแม่ลูกเดินมาอย่างเหนื่อยล้า จนวาดบอกลูกว่าจะพาไปนั่งพักที่ร้านฝั่งโน้น...
แต่ขณะข้ามถนนเกือบถูกรถที่ขับมาอย่างเร็วจะชน คนขับบีบแตรลั่นและเบรกอย่างแรง สองแม่ลูกยืนกอดกันตัวแข็งอยู่กลางถนนหน้าซีดเผือด
คนขับรถคันนั้นรีบลงจากรถมาถามว่าเป็นอะไรไหม วาดได้ยินเสียงคุ้นหันมองจึงรู้ว่าเป็นวรกิจเพื่อนสนิทของสรวิชญ์นั่นเอง วรกิจเห็นสภาพของแม่ลูก ถามว่าจะไปไหนกัน วาดพูดไม่ออก เขาเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น มองสองแม่ลูกอย่างเห็นใจ...
Powered by Froala Editor