ตอนที่ 1
จากวันนั้นถึงวันนี้ 10 กว่าปีแล้ว วาดนั่งคุยกับวรกิจที่ร้านอาหารเล็กๆของตน พูดอย่างซึ้งใจว่า
“ถ้าตอนนั้นวาดไม่ได้คุณวรกิจช่วย วาดกับลูกคงลำบากกว่านี้”
วาดยอมรับว่าตอนนั้นตนคิดแต่จะหนีไปให้ไกลที่สุด พวกเขาจะได้ตามหาพวกเราไม่เจอ วรกิจบอกว่าคนมีเงินอย่างสรวิชญ์ ต่อให้วาดหนีไปไกลแค่ไหนเขาก็ต้องตามหาจนเจอแน่ วาดเอ่ยอย่างสำนึกว่าเราสองแม่ลูกเป็นหนี้บุญคุณคุณวรกิจเหลือเกิน
“อย่าคิดแบบนั้นวาด พวกเธอสองคนแม่ลูกเป็นลูกเป็นหลานของคุณป้าอมรา ท่านมีพระคุณกับฉัน ฉันแค่ตอบแทนพระคุณท่าน เธออย่าคิดเป็นหนี้บุญคุณกันเลย” ถามว่า “แล้วนี่สรวิชญ์มันรู้ตัวไหมว่าลูกเมียมันต้องออกมาลำบากลำบนนอกบ้านมาเป็นสิบๆปี นี่ถ้าวาดไม่ห้าม ฉันคงจะคุยไปนานแล้ว อยากรู้จริงๆว่าจิตใจมันทำด้วยอะไร ไม่ห่วงลูกบ้างเลยรึไง”
“มันจบไปแล้วค่ะ วันนี้วาดมีความสุขพอแล้ว สิ่งเดียวที่วาดต้องการคืออย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีก
คุณวรกิจ...วาดไม่อยากให้ใครรู้ว่าวาดกับลูกอยู่ที่ไหน วาดไม่อยากเดือดร้อนอีกค่ะ...”
วรกิจพยักหน้าเข้าใจ...
ooooooo
วันนี้...ขณะที่สรวิชญ์อยู่ในห้องทำงานที่ “โรงแรมศิริเสนี แบงค์คอก” ที่โอ่อ่าหรูหราและมีสาขาไปเกือบทั่วโลกนั้น นักสืบกำลังรายงานว่า
“ที่ท่านให้ผมไปสืบไม่ใช่คุณวาดกับลูกครับ”
“ถ้าไม่ใช่ แล้ววาดกับลูกไปอยู่ไหนนะ”
สรวิชญ์ถอนใจ
ที่หน้าห้อง สุดาวรรณได้ยินอมยิ้มอย่างสมใจ แล้วทำทีเคาะประตูก่อนเปิดเข้าไปถามสรวิชญ์ว่ายุ่งอยู่หรือเปล่า พลางแอบส่งสายตาให้นักสืบออกไป แล้วจึงบอกสรวิชญ์ว่า
“จะมาคุยเรื่องงานเลี้ยงต้อนรับลูกอ้นกลับจากเมืองนอกน่ะค่ะ”
ขณะเดียวกันที่หน้าห้อง เลขาของสรวิชญ์
ยืนคอยอยู่แล้ว พอนักสืบออกมาก็ยื่นซองให้บอกว่า มาดามฝากมาให้ นักสืบยิ้มรับซองแล้วส่งซองสีน้ำตาลให้เลขาบอกว่าฝากให้มาดามด้วย
วรกิจกลับถึงบ้านพร้อมถุงอาหารและสาคูไส้หมูของโปรดของภัควดีหรือหนูดี เธอดีใจมากวิ่งออกมารับในชุดนักศึกษาบอกว่ากำลังอยากกินอยู่พอดีเลย วรกิจพูดขำๆว่าถ้าแม่เขาเห็นลูกสาวกินของแบบนี้กรี๊ดสลบแน่ หนูดีหัวเราะร่วนแซวกลับว่า “ถ้าแม่รู้ว่าพ่อซื้อของจากตลาดข้างถนนมาจะกรี๊ดดังกว่า”
“กลับมาแล้วหรือคะคุณ” เสียงภัสสรที่พ่อลูกกำลังแอบแซวกันขำๆถามขึ้น
พ่อลูกชะงักตกใจ พอภัสสรเห็นหนูดีกำลังกินอาหารที่ซื้อจากข้างถนนด้วยมือก็โวยวายว่ากินอะไรไม่ถูกสุขลักษณะ ดุหนูดีว่าสอนตั้งกี่ครั้งแล้วว่าอย่ากินอาหารข้างถนนจะท้องเสีย สั่งให้คายออกมาเลย หนูดีกำลังอร่อยไม่ยอมคายซ้ำยังคุยว่าตนกินประจำไม่เห็นท้องเสียเลย
ภัสสรเลยหันไปบ่นวรกิจว่าซื้ออะไรก็ไม่รู้มาให้ลูกกินอีกแล้ว แล้วกวาดทั้งสาคูไส้หมูและอาหารที่วรกิจซื้อมากินเองเอาไปทิ้ง แค่นั้นไม่พอยังสั่งให้หนูดีไปล้างมือแล้วมากินเบรกฟาสต์ที่ตนซื้อมาก่อนไปเรียน
พอภัสสรกวาดเอาของที่วรกิจซื้อมาไปทิ้ง
หนูดีถามว่านายสาคูไส้หมูของคุณพ่อเป็นยังไงบ้าง
“ตอนนี้เขาเรียนหมอนะ รู้สึกจะมหาลัยเดียวกับลูกด้วย” วรกิจแนะว่าหนูดีน่าจะรู้จักพี่วศิน เขาอาจช่วยติวหนังสือให้ได้ หนูดีทำหน้าง้ำแกล้งงอนถามว่า พ่อหาว่าตนเรียนไม่เก่งเหรอ...
ooooooo
เช้านี้วศินช่วยงานที่ร้านจนได้เวลาไปเรียน วาดบอกให้ไปอาบน้ำแต่งตัวไปเรียนได้แล้ว พลางตัวเองก็เร่งมือทำสาคูไส้หมูเตรียมให้วศินเอาไปส่งร้านเจ้าประจำ
แต่ที่หน้าร้านนั่นเอง สุดาวรรณที่ได้รับข้อมูลเป็นรูปถ่ายวาดกับวศินจากสายลับขับรถมาจอดดูเธอจ้องวาดอย่างเคียดแค้นชิงชัง พาลโกรธสรวิชญ์ที่ยังไม่เลิกตามหาสองแม่ลูกทั้งที่ผ่านไปแล้วถึงสิบกว่าปี
วศินในชุดนักศึกษาดูดีมากออกมารับถุงขนมจากวาด สุดาวรรณจ้องจิกคำรามก่อนขับรถพรืดออกไป
“ฉันจะไม่ยอมให้แกสองคนแม่ลูกกลับไปแย่งทุกอย่างที่เป็นของฉันแน่!!”
วศินบอกแม่ก่อนออกไปว่าอย่าทำงานเหนื่อยเกินไปไม่ดีต่อหัวใจ และฝากแตนให้ดูแลแม่ด้วย วาดมองตามวศินในชุดนักศึกษาที่หิ้วถุงขนมไปด้วยอย่างห่วงใย แต่แตนมองอย่างหลงรัก...
เช้าวันเดียวกัน...ที่บ้านวรกิจซึ่งเป็นครอบครัวมีอันจะกิน ภัควัฒน์หรือวัฒน์ในชุดนอนเพิ่งเดินหาวมาที่โต๊ะอาหารที่วรกิจนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เขาถามลูกชายว่าทำไมเพิ่งตื่น ไม่ไปเรียนหรือ
วัฒน์ตอบไปหาวไปว่าไม่ทันแล้ว เมื่อคืนนอนดึก วรกิจตำหนิว่ารู้ว่าเช้ามีเรียนทำไมถึงเที่ยวจนดึก วัฒน์บอกว่าพี่อ้นเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกตนเลยอยากพาไปเที่ยวต้อนรับ
วรกิจดุวัฒน์ที่พาอ้นเที่ยวจนเสียการเรียน วัฒน์บ่นพ่อว่าไม่เข้าใจวัยรุ่นเลย ขณะที่สองพ่อลูก
อยู่ในบรรยากาศค่อนข้างตึงและเสียงดัง ภัสสร
กับหนูดีก็เข้ามา ภัสสรถามว่าพ่อลูกมีอะไรกัน ทำไมเสียงดังนัก
วัฒน์รีบบอกเชิงฟ้องทันทีว่าตนถูกคุณพ่อดุที่ไปเที่ยวกับพี่อ้น ภัสสรมองวรกิจขวับถามว่าทำไมต้องดุลูกด้วย วรกิจบอกว่าตนจะไม่ดุถ้าไปเที่ยวแล้วไม่เสียการเรียน
Powered by Froala Editor