ตอนที่ 1
การได้เจอกันครั้งนี้ทำให้เจ้าแสงแก้วได้รู้ว่าปรางทิพย์ไม่ใช่แค่เพื่อนรักเพื่อนซี้ของอรนุชเท่านั้น แต่ครอบครัวของทั้งคู่ยังสนิทกันอีกด้วย ท่าทางที่ทินภัทรพูดถึงปรางทิพย์อย่างสนิทสนมทำให้เจ้าแสงแก้วรู้สึกใจหวิวๆอย่างบอกไม่ถูก...
เสร็จจากร้านหนังสือ ทินภัทรชวนสาวๆไปจิบน้ำชายามเย็นที่ร้านขนมเล็กๆบรรยากาศดีในตัวเมืองเชียงใหม่ สิโรจน์ลูกชายของเทวี เรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนปลายนั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้านเห็นอรนุชเดินเกี่ยวก้อยเข้ามากับปรางทิพย์ก็ดีใจมาก หวนนึกถึงคำยุยงของแม่ที่บอกให้เขาจีบอรนุชซึ่งเป็นเด็กเรียนหัวอ่อนไว้ใจคนง่าย แถมมีแม่เป็นแม่เลี้ยงฐานะร่ำรวยมหาศาลที่สำคัญเธอเองก็มีใจให้เขา
ooooooo
คิดได้ดังนั้นสิโรจน์ไม่รอช้า เข้าไปทักทายและชวนสองสาวมานั่งร่วมโต๊ะ อรนุชเกรงใจพี่ชาย หันไปขออนุญาตพี่ก่อน สิโรจน์รู้งานรีบยกมือไหว้ทินภัทรแนะนำตัวเองว่าเป็นเพื่อนกับทั้งคู่
“ผมลูกแม่เทวีไงครับ แม่ผมรู้จักกับแม่เลี้ยงดีครับ ขออนุญาตเชิญนุชกับปรางนั่งกับผมได้ไหมครับ”
ทินภัทรมองไปทางสองสาว “ว่ายังไง...จะไปนั่งกับเพื่อนก็ได้นะ พี่จะไปนั่งกับเจ้า”
อรนุชดีใจฉีกยิ้มกว้างรีบชวนปรางทิพย์ไปนั่งโต๊ะเดียวกับสิโรจน์ ไม่ได้มีแค่สิโรจน์เท่านั้นปลื้มใจที่ตัวเองทำตามแผนของแม่ได้อีกขั้น เจ้าแสงแก้วเองก็พอใจที่ได้อยู่ลำพังกับทินภัทร ระหว่างจิบกาแฟกันไป ทินภัทรเล่าเรื่องที่พอตัวเองเรียนจบปริญญาตรี จะเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษโดยจะเอาอรนุชไปด้วย น้องอยากเป็นครู เขากับแม่จึงวางแผนจะเปิดโรงเรียนอนุบาลถึง ป.6 ให้ เธอกระเซ้าเขาว่ารักน้องจังเลย เขายอมรับว่าใช่
“เราสนิทกันมากไม่เคยพรากจากกัน”
“ถ้าพากันไปซะอย่างนี้แล้ว คุณแม่ของทินจะอยู่กับใครคะ”
“น้ามยุรี คุณแม่ของปรางและปรางรับปากจะดูแลท่านแทนพวกเรา”
คำพูดของทินภัทรที่ตอกย้ำความสนิทสนมแนบแน่นของครอบครัวเขากับครอบครัวปรางทิพย์ทำให้เจ้าแสงแก้วใจหวิวๆขึ้นมาอีกครั้ง...
ขณะที่เจ้าแสงแก้วซึ่งอยู่ที่เชียงใหม่อดหวั่นใจไม่ได้ว่าตัวเองจะเป็นได้แค่เพื่อนเรียนคณะเดียวกันกับทินภัทร เทวีซึ่งอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าในกรุงเทพฯกำลังจะกลับโดยมีลินินเดินมาส่ง เธอเห็นว่าพรุ่งนี้ต้องกลับเชียงใหม่จึงบอกให้ลินินเมมเบอร์มือถือของเธอเอาไว้เผื่อจะติดต่อกัน เด็กสาวส่ายหน้า
“ไม่มีหรอกค่ะ มันของฟุ่มเฟือยสำหรับทุกคนที่นี่”
“หกเจ็ดร้อยก็ซื้อได้แล้ว”
ลินินตัดพ้ออาหารกลางวันยังต้องกินของโรงเรียนฟรี เรื่องค่าขนมไม่ต้องพูดถึง ยิ่งสภาพเศรษฐกิจแบบนี้คนมาบริจาคเงินน้อยลง เด็กบางคนที่นี่ยังมีพวกดาราและคนใจดีรับเป็นแม่อุปถัมภ์จ่ายเงินให้ทุกเดือนแต่เธอไม่มี เทวีสงสารเธอจับใจ ยืนกรานให้เธอจดเบอร์ของตัวเองไว้เผื่อฉุกเฉินอะไรให้โทร.หา เธอยกมือไหว้ขอบคุณเทวีที่เปิดประตูรั้วออกไปแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นช่อดอกไม้ตกอยู่หน้าบ้าน เทวีหยิบมันขึ้นมาอ่านการ์ดที่แนบไว้
“สำหรับนางฟ้าอวตารลงมาจากสวรรค์...นี่มันต้องเป็นของลินินแน่” เทวีอ่านเสร็จยื่นช่อดอกไม้ให้ ลินินยิ้มแต่ไม่ยื่นมือไปรับ บอกปัดว่าอาจจะไม่ใช่ของเธอ เทวีมั่นใจว่าต้องใช่ ไม่อย่างนั้นจะมาวางหน้าบ้านหลังนี้ได้อย่างไร แล้วยุให้เธอรับไป อย่างน้อยก็เอาไปปักแจกันให้คุณแม่หมอวิไล เธอส่ายหน้าอีกครั้ง ถ้าทำแบบนั้นคนที่ให้ต้องคิดว่าเธอชอบเขาถึงได้ยอมรับดอกไม้ช่อนี้
“เราจะชอบหรือไม่ชอบแต่เราไม่ต้องไปปฏิเสธใครที่มาชอบ มาทำดีๆกับเราเพราะนี่คือการที่เราได้รับการยอมรับจากคนอื่นที่เรารู้แก่ใจว่านี่คือสิ่งที่เราอยากได้ มันสะใจดีจะตายสำหรับคนที่เกิดมาต่ำต้อยอย่างเรา นี่คือหนึ่งในวิถีชีวิตที่ลินินจะสยบทุกคนด้วยความสวย ใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์เพื่อชัยชนะในชีวิต” เทวีว่าแล้วเอาเงินยัดใส่มือลินินหนึ่งพันบาท ให้เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น