ตอนที่ 13
ระหว่างแมงเม่าติดอยู่ในป่ากับขันทอง ขันทองฝึกวิชาป้องกันตัวเองและเพลงดาบเพลงมวยให้ สอนและเรียนกันไปก็ตัดพ้อหยอกเย้ากันตามประสา
นอกจากขันทองสอนศิลปะการต่อสู้แล้ว ยังสอนการดำรงชีวิตในป่าให้ด้วยว่าอะไรกินได้กินไม่ได้ แมงเม่าสงสัยถามว่าก่อนเข้าวังออกพระบวชมาก่อนไม่ใช่หรือ หรือในวัดสอนเช่นนี้ให้ ขันทองบอกว่าพ่อสอนให้ตอนตนอายุ 6-7 ขวบ พ่อบอกว่าพ่อเป็นโจร ไม่มีอะไรจะสอนให้ก็มีแต่วิชาพวกนี้แหละ
ผ่านมา 3-4 วัน...เช้านี้ขณะกลุ่มชาวบ้านล้อมวงกินข้าวกันที่ชายป่า ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนอย่างตื่นตระหนกให้รีบซ่อนตัว พวกอังวะมาแล้ว ตนจำได้ว่าคนขี่ม้านั่นคือเนเมียวสีหบดีแม่ทัพของอังวะ เยื้อนอยู่ในกลุ่มชาวบ้านนี้ด้วย ได้ยินว่าพวกอังวะโดยเฉพาะเนเมียวสีหบดีมาด้วย แทนที่จะตกใจกลับวิ่งจากที่ซ่อนกรีดกรายมาดักหน้า คุกเข่าลงตรงหน้าส่งสายตายั่วยวนขอพึ่งใบบุญท่านแม่ทัพ ท่านโปรดเมตตาด้วยเถิด
เนเมียวสีหบดีมาเห็นเยื้อนที่เป็นสาวสวยผิวพรรณดีและมีเสน่ห์ยั่วยวนก็มีท่าทีสนใจ ทหารยุว่าเช่นนี้ปล่อยไปก็เสียดาย เนเมียวสีหบดีลังเลพูดเบาๆว่ามันผิดกฎกองทัพ ทหารผู้นั้นยุว่า “อโยธยาแตกแล้ว ถือว่าสิ้นศึกไม่เป็นกระไรดอกขอรับ” เนเมียวสีหบดีจึงหันถามเยื้อนว่า
“เมื่อเอ็งมีเรื่องเดือดร้อน ข้าก็จะช่วยเอาบุญก็แล้วกัน”
เพียงเท่านั้นเยื้อนก็ยิ้มมั่นใจ ก้มกราบเนเมียวสีหบดีอย่างยอมทอดกาย...
ฝ่ายพวกกรมขุนวิมล เจ้าจอมอำพันและคุณท้าวโสภา ถูกขังในคอกรวมกับเชลยหญิง เมื่อทหารอังวะเอาอาหารใส่ใบตองมาแจก ชาวบ้านก็กรูกันเข้าไปแย่ง คุณท้าวเข้าไปอ้อนวอนชาวบ้านขอปันไปให้เสด็จพระองค์หญิงกับเจ้าจอมบ้างเถิด ก็ถูกชาวบ้านตะคอกใส่ว่า
“เสด็จกระไร กูไม่สนโว้ย สิ้นบ้านสิ้นเมืองแล้วขืนวางอำนาจมากนัก กูจะตบให้ปากฉีกเลย”
กรมขุนวิมลและเจ้าจอมอำพันได้ยินเข้ามาถามคุณท้าวว่าเป็นอย่างไรบ้าง คุณท้าวร้องไห้บอกว่าเจ็บใจที่ถูกหยามเหยียดถึงเพียงนี้ กรมขุนวิมลปลอบใจอย่างปลงแล้วว่า
“ฉันเข้าใจ แต่ก็อยากให้คุณท้าวทำใจให้ได้ ยศศักดิ์พวกนี้มีได้ก็ต่อเมื่อมีคนนับถือกราบไหว้ แต่เพลานี้เราถูกขังอยู่ในคอกเดียวกันกับเขา แล้วจะให้เขาเคารพยำเกรงเราเหมือนแต่ก่อนได้อย่างไร”
“คุณท้าวไม่ต้องไปเอาอาหารแล้ว ฉันไปเอาเอง อยู่ถวายรับใช้เถิด”
ขณะเจ้าจอมอำพันเดินไปเอาอาหาร คุณท้าวโสภาร้องไห้บอกว่า
“ถ้าไม่ติดว่าต้องอยู่ถวายความจงรักภักดีต่อเสด็จ หม่อมฉันก็อยากตายไปเสียประเดี๋ยวนี้เลย ยิ่งไม่มีแม่เป้าแล้วหม่อมฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมจริงๆเพคะ”
คุณท้าวร้องไห้หนักจนกรมขุนวิมลต้องลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนด้วยความสงสารจับใจ
ooooooo