icon member

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว

ตอนที่ 13

“หลังจากเนเมียวสีหบดีได้อำนาจเด็ดขาด ก็บุกโจมตีกรุงศรีอยุธยาหนักกว่าที่ผ่านมา พร้อมกับลอบขุดอุโมงค์ใต้ดินต่อไปโดยมีจุดประสงค์เพื่อทำลายกำแพงเมืองของกรุงศรีอยุธยานั่นเอง”

กระสุนปืนใหญ่เข้ามาตกในเขตพระราชฐานเกิดไฟไหม้ ขุนรักษ์เทวามาบอกขันทองมีกระสุนไปตกที่ตำหนักของกรมขุนวิมล ขันทองจึงรีบไปดู

เมื่อไปถึงทางเดินภายในวังเจอเป้าวิ่งมาบอกว่าตำหนักเสียหายเล็กน้อย แต่แมงเม่าถูกสะเก็ดปืน

นอนบาดเจ็บอยู่พลางชี้ทางให้ ขันทองบอกเป้าให้ไปหาที่ปลอดภัยหลบก่อนตนจะไปดูแมงเม่าเองไม่ต้องห่วง ขันทองวิ่งพลางตะโกนเรียกแมงเม่า เมื่อเจอก็พาไปที่ตึกเล็กๆภายในวัง

ดูแล้วพูดอย่างโล่งใจว่าแม่เป้าบอกว่าถูกสะเก็ดปืน ตนใจหายหมด ที่แท้ก็แค่ขาแพลง แมงเม่าเล่าว่าจู่ๆลูกปืนใหญ่หล่นใส่ตำหนักแล้วตนก็ล้มลง จะให้แม่เป้าคิดอย่างไรเล่า

แมงเม่าถามว่าอโยธยาจะยันได้อีกนานเท่าใดหรือ พวกที่ตำหนักบอกว่าแม่ทัพอังวะตายไปหนึ่ง พวกมันจะถอยแล้ว แต่ตนไม่คิดเช่นนั้น ขันทองเห็นด้วย แต่จะยันได้อีกนานเท่าใดนั้นตนตอบไม่ได้ เราได้เปรียบที่กำแพงสูงแลแข็งแรงนัก เรื่องเสบียงอาหารแม้ว่าพวกไพร่จะขัดสนอยู่แต่ทหารยังมีกินบริบูรณ์ ตนเชื่อว่า

“ถ้ายันกันไปเช่นนี้ อีกปีหนึ่งฉันก็ว่ายันได้ เพียงแต่ถ้าฉันเป็นแม่ทัพอังวะ คงไม่รอถึงปีดอก”

เห็นแมงเม่าเศร้าขันทองถามว่ากลัวรึ แมงเม่าไม่ตอบแต่กลับถามว่า

“ถ้าฉันต้องบาดเจ็บ คุณพระยังจะอยู่ใกล้ๆคอยดูแลฉันอย่างนี้หรือไม่เจ้าคะ” ขันทองยิ้มบอกว่าเจ้าก็รู้ว่าฉันไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า แมงเม่าก็ตอบทันทีว่า “เช่นนั้น ฉันก็ไม่กลัวเจ้าค่ะ”

ทั้งสองสบตากันนิ่ง ไม่มีคำพูดใดๆ แต่แววตาเปี่ยมด้วยความห่วงใยและผูกพันซึ่งกันและกัน

กรมขุนวิมลดีใจมากที่เห็นแมงเม่าปลอดภัยกลับมา กล่าวอย่างรู้สึกผิดว่า

“ฉันมันโง่นัก เอาแต่ทำเรื่องไม่ควรทำ ทั้งที่เรื่องบ้านเมืองเป็นของทุกคนอย่างที่เจ้าว่าแต่ฉันไม่ใส่ใจ กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้แล้ว”

ooooooo

ในกระโจมพระยาตากที่ค่ายระยอง พระยาตากกำลังเอาแผนที่มาอธิบายกับหลวงพิชัย ม่วง และพันหาญว่า

“เรารวบรวมกำลังได้เมื่อไร ฉันจะต่อเรือล่องกลับไปอโยธยา พวกอังวะวางกำลังแน่นหนาอยู่ทางบกแต่ทางน้ำนั้นไม่ใคร่ใส่ใจเท่าใด เราน่าจะบุกโจมตีได้โดยง่าย”

“แผนการท่านเจ้าคุณนั้นดีนัก” หลวงพิชัยเอ่ย แต่ติงว่ากำลังเรามีน้อยและที่มีอยู่ก็เป็นชาวบ้านที่มาหลบภัยเป็นส่วนใหญ่ ที่พร้อมจะสู้มีแค่สองสามพันเอง ม่วงถามว่าเราจะไม่เกณฑ์ผู้คนมาเป็นทหารจริงหรือ

“ไม่ ระยะยาวแล้วจะมีแต่เสียมากกว่าได้ เพราะอังวะเกณฑ์ทหารในหัวเมืองฉานไม่ใช่ดอกรึ ถึงต้องทำศึกกับจีน”

มิ่งที่ฟังอยู่เอ่ยขึ้นอย่างกลัวๆกล้าๆว่า “นับแต่โบราณมาผู้คนล้วนสวามิภักดิ์ต่อผู้มีบุญญาธิการ หากท่านเจ้าคุณแสดงให้เห็นว่ามีบุญ ก็จะมีผู้เข้ามาอยู่ด้วยเป็นอันมากด้วยความเต็มใจขอรับ”

หนึ่งด้าวฟ้าเดียว

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด