ตอนที่ 13
“ไอ้สับปลับ มึงหลอกพวกกู” พระยาพลเทพสติแตก ขุนแผลงฤทธิ์ชักดาบออกมาทันที แต่ทันใดนั้นทหารในกระโจมก็ชักดาบออกพร้อมกันกรูเข้าล้อมทั้งสองไว้ พระยาพลเทพและขุนแผลงฤทธิ์หน้าเสีย ส่วนเนเมียวสีหบดีหัวเราะ พูดขำๆว่า
“เห็นใจข้าเถิดท่านเจ้าคุณ ข้าจำเป็นต้องทำ ด้วยท่านเป็นคนทุรยศ เนรคุณได้แม้แต่แผ่นดินเกิดแลคนที่ให้ข้าวแดงแกงร้อน แล้วข้าจะเลี้ยงท่านเจ้าคุณไว้ได้อย่างไร”
พระยาพลเทพเจ็บใจที่ถูกหักหลังแล้วยังถูกประจานต่อหน้าพวกเชลยอีก แต่ทำอะไรไม่ได้ เนเมียวสีหบดียังคงพูดต่อไปว่า
“แต่หากเปรียบกับพระเจ้าชำนะสิบทิศบุเรงนองที่ตัดหัวพระยาจักรีแล้ว ข้าปล่อยท่านไปก็ถือว่าข้าใจดี มาก แต่ก็ไม่ต้องขอบน้ำใจข้าดอก ข้าทำบุญไม่เคยหวังสิ่งใดตอบแทนอยู่แล้ว”
พระยาพลเทพขบกรามแน่นแค้นแทบกระอักเลือดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ซ้ำร้ายเมื่อกลับไปเจอกล้า พอกล้ารู้ว่าพระยาพลเทพถูกอังวะหักหลังก็สิ้นหวังคิดคดไม่ยอมขึ้นต่อ พระยาพลเทพขอสมบัติที่ปล้นมาก็ไม่ให้ซ้ำเอาปืนที่ปล้นมาได้ขู่พระยาพลเทพที่จะไม่ให้ตนแยกตัวไปว่า
“ถ้าท่านเจ้าคุณไม่ยอมให้กระผมไป ระหว่างกระผม ท่านขุนกับท่านเจ้าคุณ ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งตายกันวันนี้ล่ะขอรับ”
พระยาพลเทพเห็นปืนก็หน้าเสียแต่ยังชี้หน้ากล้าอาฆาตว่า “มึงจำไว้ไอ้กล้า สักวันกูจะเอาคืน”
ขุนแผลงฤทธิ์ก็ชี้หน้ากล้าอาฆาตแล้วเดินตามพระยาพลเทพไป กล้าถอนใจโล่งไม่คิดเหมือนกันว่าตนจะกล้าทรยศต่อพระยาพลเทพเช่นนี้
ooooooo
ฝ่ายพระยากำแหงบาดเจ็บสาหัสทั้งที่ท้องและดวงตา ได้รับการช่วยเหลือจากเป้าและขุนรักษ์เทวาพามาพักรักษาตัวที่โบสถ์ร้าง
เป้าทำแผลและเช็ดตัวให้พระยากำแหงที่ไข้สูงจนทุเลา ขุนรักษ์เทวาก็หุงข้าวและออกจับกบมาเป็นอาหารกินกันพอประทังชีวิต จนพระยากำแหงลุกเดินได้ เอ่ยอย่างซึ้งใจว่า
“นี่ถ้าฉันไม่ได้ท่านขุนรักษ์เทวากับแม่เป้าคอยดูแล ฉันคงตายไปเสียนานแล้ว บุญคุณครานี้มิรู้ว่าคนพิการตาบอดอย่างฉันจะทดแทนได้หรือไม่ แต่ฉันขอจดจำไว้ไม่มีวันลืม”
“อย่าพูดเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ เราก็เหมือนเป็นเพื่อนร่วมตายกันแล้ว มีแต่ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันเท่านั้น จึงจะผ่านความทุกข์ยากสาหัสครานี้ไปได้” เป้าเอ่ย
พระยากำแหงมองเป้าพูดอย่างประทับใจว่ารู้จักเป้ามานานแต่ไม่คิดว่าเป้าจะเข้มแข็งถึงเพียงนี้ เป้าบอกว่าตนไม่ใช่คนเข้มแข็ง เพียงแต่เหตุวิกฤติทำให้ตนอ่อนแอไม่ได้เท่านั้น หญิงที่เข้มแข็งจริงๆคือแม่แมงเม่าต่างหาก ทำให้พระยากำแหงนึกได้ว่าตนลืมแมงเม่าเสียสนิท ถามตัวเองว่าเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร
เป้าเหลือบมองพระยากำแหงงงๆว่าพูดอะไร ก็ประสานกันเข้าเต็มตา แม้พระยากำแหงจะเหลือดวงตาเพียงข้างเดียว แต่ในดวงตานั้นมีความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนไปจนเป้าต้องหลบสายตามองไปทางอื่น พระยากำแหงยิ้มออกมาบางๆ แล้วสีหน้าก็ขรึมลงอย่างสิ้นหวังเมื่อนึกถึงบ้านเมืองเวลานี้...
ooooooo