ตอนที่ 17
“ริสา...ฉันซื้อมะม่วงมาฝาก เธอยังอาเจียนแพ้ท้องอีกไหม”
อาม่าได้ยินเต็มสองหูแต่ไม่ถามต่อหน้าคนอื่น รอจนกระทั่งอาริสาเดินออกไปส่งขึ้นรถถึงถามว่าป้องกุลรู้เรื่องเธอท้องหรือเปล่า
“รู้แล้วค่ะ”
“แล้วป้องว่ายังไง”
“เขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรหรอกค่ะ เพราะไม่ใช่ลูกของเขา”
อาม่าไม่สนิทใจที่จะเชื่อทันทีทันใด แต่ก็พยักหน้าบอกว่าเข้าใจ จากนั้นกอดอาริสาอีกครั้งก่อนขึ้นรถกลับไป
ครั้นถึงบ้านอาม่าก็วางแผนให้สนโทร.ตามป้องกุลมาเพื่อที่ตัวเองจะพูดเรื่องอาริสาท้อง แต่พอหลานชายมาถึงอาม่าก็อึกอักลังเลเพราะกลัวจะตอกย้ำให้เขาเสียใจ
“ตกลงมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“อาม่าไม่แน่ใจว่าควรพูดดีไหม แต่ถ้าไม่พูดอาม่าก็ห่วงป้อง แต่ถ้าพูดก็กลัวป้องคิดมาก แต่ถ้าอาม่าไม่พูดก็อึดอัดใจ แต่ถ้าพูดก็กลัวป้อง...”
“คือวันนี้อาม่าไปหาคุณริสามาค่ะ แล้วรู้ว่าคุณริสาท้อง” สนโพล่งขึ้นเพราะอาม่าพูดวกวนไม่เข้าประเด็นเสียที
“เออ...ขอบใจ หมดหน้าที่แกแล้ว จะไปไหนก็ไปได้แล้ว”
สนร้องอ้าว...แต่ก็ลุกไปโดยดี อาม่ามองหน้าหลาน แล้วอ้าปากจะพูด แต่ป้องกุลชิงพูดเสียก่อน
“อาม่าสงสัยว่าเป็นลูกผมรึเปล่า...ใช่ไหมครับ”
“อาม่าก็ไม่อยากคิดอย่างนั้น แต่เรามาพูดความจริงกันนะ ป้องกับริสาคงไม่ได้รักกันอยู่ในทุ่งดอกไม้ แค่มองตาแล้วยิ้มให้กันใช่ไหม”
“ผมก็คิดว่าเด็กเป็นลูกของผม”
“แต่ริสาบอกอาม่าว่าไม่ใช่”
“โกหก”
“แล้วป้องมั่นใจได้ยังไงว่าเป็นลูกของป้อง”
“สามีของริสานอกใจริสาไปมีคนอื่น ริสาถึงมาเจอผม ผมมั่นใจว่าริสาไม่ได้กลับไปมีอะไรกับสามีของเขาอีกแน่”
“นี่แหละนะการทำผิดศีลธรรมเป็นชู้กับเมียคนอื่น เวรกรรมก็เลยตกมาอยู่กับเด็กที่กำลังจะเกิดมา อาม่าสงสารเด็กจริงๆ”
“ผมขอโทษครับอาม่า”
“ต่อไปอย่าทำผิดอย่างนี้อีกนะลูก คนทำผิดไม่มีทางมีความสุขหรอก ถึงไม่ทุกข์กายแต่ก็ต้องทุกข์ใจ ตอนนี้อาม่าเชื่อว่าไม่มีใครสุขสักคน”
“ผมรู้ครับว่าผมผิด ผมกำลังแก้ไขอยู่ครับ” ป้องกุลพูดออกไปทั้งที่ยังหนักใจเอามากๆ
ooooooo
ตกเย็นอาริสาเตรียมตัวกลับบ้านหลังจากออกเวร เขมที่เพิ่งมาเข้าเวรเย็นอดเป็นห่วงไม่ได้ ถามเพื่อนรักว่าบอกหมอเอกแล้วหรือยังว่าจะกลับก่อน
อาริสาตอบเลี่ยงว่าหมอติดคนไข้...แล้วตัดบทให้เพื่อนหมดห่วง “เอาน่า...ฉันกลับเองได้ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วค่อยโทร.บอกหมอ เธอรีบไปทำงานเถอะ”
“กลับดีๆนะ” พูดจบเขมรีบวิ่งเข้าห้องฉุกเฉิน ส่วนอาริสาก็จะไปแต่ต้องชะงักเพราะเกศิรินเดินสวนเข้ามาหา
“มีเวลาคุยกันหน่อยไหม”
แล้วสองคนก็เดินไปยังมุมที่คนไม่พลุกพล่าน แค่เกศิรินมองท้องอาริสาก็เดาได้ทันทีว่าจะมาพูดเรื่องอะไร จึงเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน
“ลูกชายเธอคงเล่าให้ฟังหมดแล้วใช่ไหม”
เกศิรินยอมรับ อาริสาจึงตั้งท่าจะพูดต่อ แต่จู่ๆเกศิรินคุกเข่าลงตรงหน้าจนอาริสาตกใจ
“เธอทำบ้าอะไร ลุกขึ้นมา”
“ตอนนี้เธอกำลังมีลูก เธอเป็นแม่คนแล้ว เธอคงเข้าใจความรู้สึกของฉันตอนนี้”
“เธอจะพูดอะไร”
“ลูกฉันยังรักเธออยู่ ฉันจะก้มกราบเธอตรงนี้เพื่อขอร้องให้เธอปล่อยลูกชายฉัน”
“เกศหยุด!”
เกศิรินไม่ฟังพนมมืออ้อนวอน “ตอนนี้ชีวิตเธอมีทั้งลูก มีทั้งหมอ มีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ฉันไม่เหลือใครนอกจากป้องคนเดียว อย่าทำร้ายฉันด้วยการเอาลูกของฉันไปเลยนะริสา ฉันกราบละ”
เกศิรินจะกราบแต่อาริสารีบคว้ามือไว้
“อย่า! ฟังนะเกศ เด็กในท้องก็ไม่ใช่ลูกของป้อง เธอไม่ต้องกลัว ฉันไม่เอาป้องกุลไปจากเธอ...ลุกขึ้น”
“แต่ป้องบอกว่าเธอรักเขา”
“ฉันไม่ได้รักป้องกุล”
“แต่ป้องไม่เชื่อ”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
“ก็ทำให้ป้องเชื่อสิว่าเธอไม่ได้รักเขา”
อาริสาชะงักไปด้วยความหนักใจ เวลาเดียวกันนั้นป้องกุลจอดมอเตอร์ไซค์อยู่ริมน้ำ กำลังคิดถึงอาริสาจับใจ คิดย้อนเหตุการณ์เก่าๆที่เคยมีความสุขกับเธอ ทันใดมีรถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอด ชายฉกรรจ์สามคนลงจากรถกรูมาจู่โจมเอาถุงดำคลุมหัวป้องกุลแล้วอุ้มขึ้นรถออกไปทันที
ป้องกุลพยายามสู้แต่ไม่ไหวแถมโดนมันจับมัดมือโยนลงในซอยเปลี่ยวแล้วยังตามมารุมทำร้ายอีก
“พวกมึงเป็นใครวะ” ป้องกุลตะโกนถาม
“กูเป็นพวกเกลียดคนเป็นชู้กับเมียชาวบ้านโว้ย” ชายฉกรรจ์หนึ่งในสามตอบสวน
“มึงแน่จริงปล่อยกูแล้วมาซัดกัน อย่ามาทำตัวเป็นหมารุมกัดกู”
“ปากดีนักใช่ไหมมึง คิดว่ามึงแน่นักใช่ไหม แย่งเมียชาวบ้านแล้วคิดว่าเจ๋งเหรอ กูอยากเห็นจังโว้ย เลือดคนเจ๋งมันสีอะไร”
คราวนี้สามคนรุมอัดป้องกุลอีกคนละตุ๊บสองตุ๊บก่อนที่คนหนึ่งจะสำทับว่า
“จำไว้นะมึง อย่าเสือกยุ่งกับเมียคนอื่นอีก ไม่อย่างนั้นมึงจะโดนยิ่งกว่านี้...ไปโว้ย”
สามคนขึ้นรถออกไปทิ้งป้องกุลในสภาพเลือดออกปากและจมูกไว้คนเดียวกลางซอยเปลี่ยว ป้องกุลเจ็บจุกจนลุกไม่ขึ้น คิดทบทวนคำพูดของคนร้ายแล้วค่อนข้างเชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือหมอเอกที่จ้างพวกมันมา!
แต่กลายเป็นป้องกุลคิดผิดถนัด...เพราะคนบงการคือเกศิรินแม่แท้ๆของเขา และคนที่ส่งนักเลงมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพ่อแท้ๆของเขานั่นเอง
เมื่อคนของตนทำงานเรียบร้อยแล้ว อธิปจึงโทร.หาเกศิรินเพื่อทวงเงินค่าจ้าง