ตอนที่ 17
หมอเอกพาแม่กลับเข้ามาในบ้านโดยมีอาริสาเดินตามหลัง...แล้วทั้งสามคนก็นิ่งเงียบกันไปครู่ใหญ่กว่าลัดดาจะเอ่ยปากออกมาเพราะทนอึดอัดคับข้องใจไม่ไหว
“ขอแม่พูดได้ไหม”
หมอเอกรู้ทันว่าแม่จะพูดเรื่องเด็กในท้องจึงรีบห้าม “แม่ครับ...ผมขอ” แต่อาริสาอึดอัดเช่นกันจึงอยากเคลียร์ให้จบ เอ่ยกับลัดดาว่า
“คุณแม่พูดมาเถอะค่ะ”
“ริสา...”
“มาถึงขั้นนี้แล้วค่ะหมอ ให้คุณแม่พูดเถอะค่ะ เราจะได้เคลียร์กันให้จบ”
“ฉันอยากรู้ว่าเด็กเป็นลูกใคร”
ลัดดาโพล่งขึ้นอย่างตรงประเด็น อาริสาตัดสินใจจะพูดแต่หมอเอกจับมือเธอไว้และเป็นคนตอบคำถามนั้นด้วยตัวเอง
“ลูกของผมครับ”
“ถ้าลูกเอก ไอ้เด็กนั่นมันจะมาโวยวายทำไม”
“เพราะมันไม่ยอมรับความจริงไงครับ เด็กในท้องริสาเป็นลูกของผม”
อาริสามองหมอเอกที่พยายามต่อสู้เพื่อ ปกป้องเธอกับลูกอย่างสะเทือนใจ ลัดดาไม่เชื่อคาดคั้นลูกชายอีก
“แน่ใจ?”
“แม่ครับ...ผมขอร้อง อย่าถามหรือสงสัยเรื่องนี้อีก คนอื่นจะพูดอะไรผมไม่แคร์ แต่ต้องไม่ใช่คนในครอบครัว เขาเป็นหลานของคุณแม่ครับ”
ลัดดายังคาใจแต่สงสารลูก รู้ว่าลูกพยายามรักษาครอบครัว “ก็ได้...แม่จะไม่ถามอีก แต่เรื่องมันไม่จบเท่านี้หรอกนะ ถ้าผู้ชายคนนั้นไปทวงลูกที่โรงพยาบาลต่อหน้าคนอื่นจะเป็นยังไง”
“เรื่องนั้นผมจัดการเองครับ”
“แม่ไม่ได้พูดเพราะเกลียด แต่แม่เตือนในฐานะที่อาบน้ำร้อนมาก่อน ถ้าไม่มีคำตอบที่ชัดเจนมันก็จะมีคำถามกันไปอย่างนี้...ลองถามตัวเองว่าลูกใคร หรือไม่ก็ตรวจไปเลย แล้วเอาผลมายืนยันจะได้จบ”
ลัดดาโบ้ยมาที่อาริสาซึ่งเป็นตัวต้นเรื่อง หมอเอกมองเธออย่างเห็นใจ แล้วค่ำนั้นเอง เมื่ออยู่กันแค่สองคน อาริสาตัดสินใจจะตรวจดีเอ็นเอของลูก แต่พอเธอเอ่ยปากไม่ทันจบใจความ หมอเอกก็คัดค้านทันที
“ริสาไม่ต้องตรวจ แล้วไม่ต้องฟังใครทั้งนั้น เขาเป็นลูกผม”
“แต่หมอคะ”
“ผมขอร้อง...ริสาฟังแค่ผมคนเดียวพอ ผมรักริสา รักลูก รักโดยไม่เคยมีคำถาม ไม่เคยสงสัย เชื่อผมนะ”
อาริสายิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ รู้สึกผิดที่เรื่องบานปลาย เอ่ยอย่างหนักใจ “แต่ป้องเขาไม่จบแน่”
“ถ้าเขาไม่จบ ผมก็จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกของผมเหมือนกัน” หมอเอกประกาศหนักแน่นจริงจัง
เวลาเดียวกันป้องกุลอยู่ที่บ้านตัวเอง ครุ่นคิดไม่ยอมแพ้เพราะมั่นใจว่าเด็กในท้องอาริสาเป็นลูกตัวเอง เชื่อว่าตอนที่คบกันเธอไม่นอนกับหมอเอกแน่ ส่วนเกศิรินเพิ่งกลับเข้ามาหลังจากไปพบอธิป เธอหยุดยืนตรงหน้าห้องป้องกุลและนึกย้อนเรื่องราวที่คุยกับอธิปมาหมาดๆ
เกศิรินต้องการให้อธิปเล่นงานใครบางคน อธิปได้ฟังก็แทบไม่เชื่อหู ถามอย่างตกใจ
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ”
“จ้างใครก็ได้ไปกระทืบคนให้ฉันได้ไหม”
อธิปชะงัก สีหน้าเต็มไปด้วยคำถามว่าคนคนนั้นคือใคร? เกศิรินยิ้มเจ้าเล่ห์และตอบออกไปอย่างเลือดเย็นจนอธิปอึ้งกิมกี่ คาดไม่ถึง!
ooooooo
รุ่งขึ้นหมอเอกกับอาริสาเตรียมตัวออกไปทำงานหลังรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย ลัดดาเดินตามออกมาส่งทั้งคู่โดยมียิ้มตามประกบเผื่อเจ้านายซวนเซเพราะอาการเจ็บสะโพกยังไม่หายเป็นปกติ
“ถ้าคุณแม่เจ็บหรือมีอะไร โทร.หาฉันได้
เลยนะยิ้ม”
“ไปทำงานกันเถอะลูก ไม่ต้องห่วงแม่” ลัดดาพูดกับลูกชายก่อนเบนสายตามาที่ลูกสะใภ้ เตือนว่า “ไปทำงานดีๆ ระวังตัวเองด้วย”
“ค่ะคุณแม่”
หมอเอกกับอาริสาผละไปขึ้นรถ ลัดดามองตามรู้สึกสังหรณ์ใจว่าป้องกุลยังไม่ยอมจบ!
จริงดังลางสังหรณ์! เพียงแค่หมอเอกเลี้ยวรถออกจากรั้วบ้านมาสักครู่ก็เจอป้องกุลดักอยู่ หมอเอกจะจอดรถเพื่อลงไปคุยกับป้องกุล แต่อาริสารีบพูดกันไว้
“ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาหรอกค่ะ ปล่อยเขา เราอยู่ของเรา ไปทำงานกันเถอะค่ะหมอ”
หมอเอกยอมขับรถต่อไปตามที่อาริสาบอก ป้องกุลรีบคร่อมมอเตอร์ไซค์ขี่ตามไปจนกระทั่งถึงโรงพยาบาลก็ยังเดินตามไม่เลิก หมอเอกถอนใจหงุดหงิดก่อนหันมาถามเสียงขุ่น
“จะตามมาทำไม”
“ผมไม่ได้ตามคุณ ผมตามลูกของผม”
หมอเอกทำท่าจะซัดป้องกุล แต่อาริสากระตุกมือเขาไว้
“หมอ...ริสาบอกแล้วไงคะว่าอย่าสนใจ ก็แค่เด็กเอาแต่ใจ อยากได้อะไรแล้วไม่ได้เลยเรียกร้องความสนใจ ปล่อยให้บ้าไปเถอะค่ะ เดี๋ยวเด็กมันเบื่อก็เลิกเอง”
อาริสาจงใจพูดเหน็บให้ป้องกุลเจ็บแล้วจูงมือหมอเอกเข้าลิฟต์ไป ป้องกุลมองตามอย่างไม่ยอมแพ้
ขึ้นมาถึงหน้าห้องฉุกเฉินซึ่งมีคนไข้ไม่น้อย หมอเอกเดินเข้าไปส่งอาริสาในห้อง ป้องกุลก้าวยาวๆ
จะตามเข้าไปด้วยแต่พยาบาลแถวนั้นวิ่งมาขวางไว้
“ขอโทษนะคะ เข้าไม่ได้ค่ะ”
ป้องกุลหยุดกึกอย่างเซ็งๆ แต่ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะพบอาริสาให้ได้จึงโทร.ตามตุลมาพบตรงลานจอดรถของโรงพยาบาลโดยไม่ยอมบอกเหตุผลใดๆ เมื่อตุลมาถึงก็ถามเพื่อนรักทันทีว่าโทร.ตามตนมาที่นี่ทำไม
“ชกกูสิ”
“อะไรนะ?!!!” ตุลผงะตกใจ
“ชกกู ชกแรงๆ ชกยังไงก็ได้ให้กูเลือดออก”
“มึงจะบ้าเหรอ ขืนกูชกมึง มึงก็กระทืบกูสิ” ว่าแล้วตุลจะเดินหนีแต่โดนป้องกุลดึงไว้
“ถ้ามึงไม่ชก...กูจะกระทืบมึง”
ตุลอึ้ง!!! เหวอ!! ท่าทางจะเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว...
ooooooo
บรรยากาศภายในห้องฉุกเฉินวุ่นวายพอสมควร พยาบาลและหมอแยกย้ายกันดูคนไข้ที่อยู่แยกส่วนโดยมีผ้าม่านกั้น อาริสาเสร็จจากคนไข้คนหนึ่งก็เดินไปดูคนไข้รายใหม่ซึ่งเตียงนั้นมีผ้าม่านปิดอยู่ พอเปิดม่านก็ต้องชะงักเพราะเห็นป้องกุลนั่งบนเตียงสภาพเลือดออกจมูกและปาก