ตอนที่ 11
ท่านขุนเงิบไปเล็กน้อย...ระหว่างทางขี่ม้ากลับ เกศสุรางค์ถามขึ้นว่า ที่คนเขาว่าตนเป็นหญิงวิปลาส เขาไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ ที่ต้องมาเป็นคู่หมั้นกับคนวิปลาส ท่านขุนตอบขำๆ
“กระนั้นฤา...ข้าเองคงวิปลาสไม่แพ้ออเจ้ากระมัง”
“โธ่เอ๊ยคุณพี่ คุณพี่ต้องบอกว่าข้าไม่บ้าสิเจ้าคะ”
“ออเจ้าเคยบอกข้าเองว่า ผู้ใดจักว่ายังไรก็ช่างเขา เรารู้ตัวของเรา ข้าเองคิดตามออเจ้าอย่างนั้นแล้ว ถ้าออเจ้าบ้า ข้าก็ขอเป็นบ้าด้วย”
เกศสุรางค์ซาบซึ้งหันมามอง ใบหน้าชิดใกล้สบตากันลึกซึ้ง สักพักเธอหันกลับ เอนกายพิงอกท่านขุน เขาตระกองกอดสูดกลิ่นหอมจากเส้นผมของเธอ บังคับม้าเดินเหยาะอิ่มเอมใจ
ooooooo
วันต่อมาที่เรือนพักละโว้ ปริกหน้าง้ำด้วยไม่ได้ไปเที่ยวกับใครๆเขา จำปาเย้าว่าจะไปทำไม วัดที่อยุธยาสวยกว่าเป็นไหนๆ...ด้านขุนศรีวิสาร-วาจาพาเกศสุรางค์ ผิน แย้ม จิก จวง จ้อย และบ่าวอีกสองสามคน เดินชมกำแพงพระราชวังพร้อมสาธยาย
“ตัวพระราชวังมีสามชั้น ที่เราเห็นยอดแหลมทรงมณฑปอยู่นั่นเป็นชั้นนอก พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาทเป็นท้องพระโรง มีสีหบัญชรเสด็จออกรับแขกบ้านแขกเมือง...พระราชฐานชั้นกลาง พระที่นั่งจันทรพิศาล เป็นที่ว่าราชการงานเมือง ต่อไปโน่น... ไกลๆพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ เป็นที่ประทับของฝ่ายใน”
“อยากเห็นตึกพระเจ้าเหาค่ะ” เกศสุรางค์แทรกขึ้น
ท่านขุนพาทุกคนเดินต่อมา “ตึกพระเจ้าเหาสร้างแบบฝรั่งเต็มที่ ใช้ต้อนรับแขกเมือง ส่วนใหญ่เป็นคนต่างประเทศ”
เกศสุรางค์ฟังมองความงามอย่างประทับใจ ขากลับเธอขอแวะเยี่ยมมารีเพื่อร่ำลา...พอมาถึง ฟอลคอน กำลังจะออกไปข้างนอก แต่พอเห็นขุนศรีวิสารวาจามาด้วยก็เปลี่ยนใจอ้างว่าต้องอยู่ต้อนรับ เกศสุรางค์แอบกระซิบกับท่านขุนว่า...ฝรั่งกลับลำ ท่านขุน
ทำหน้าเคร่งขรึมเพราะรู้ว่าฟอลคอนคิดอย่างไร ยิ่งพอมารีรู้ว่าทั้งสองมาลาก็รู้สึกเสียใจ ฟอลคอนเห็นสายตาและสีหน้าภรรยาก็รู้ว่าอาลัยอาวรณ์ท่านขุนจึงจ้องมองเขม็ง
เกศสุรางค์เกรงจะมีปัญหารีบดึงขุนศรีวิสารวาจากลับ...มารีถูกฟอลคอนตัดพ้อรุนแรงถึงขั้นจะตบตี แต่เธอก็เชิดหน้าสู้ไม่หลบหนี ทำให้เขาโกรธมากขึ้น ปึงปังออกไปจากบ้าน
เกศสุรางค์หวั่นใจกลัวมารีโดนฟอลคอนทำร้าย ขุนศรีวิสารวาจากลับบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่ผัวจะลงมือกับเมีย เธอโวยว่าไม่ได้...คนเหมือนกันเท่าเทียมกัน ท่านขุนว่าพูดประหลาด ผู้หญิงต้องอยู่ในอารักขาของผู้ชาย ผู้ชายคุ้มครองคุ้มหัวผู้หญิง จะเท่ากันได้อย่างไร หญิงสาวส่ายหน้ารับไม่ได้ ถ้าเป็นตนต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ผิน แย้ม จิก และจวงได้ยินหน้าเหวอตามกัน
ท่านขุนเอ็ด “เรียบร้อยเป็นฤาไม่ วาจาช่างระคายหูนัก หากออเจ้าดื้อดึงจักมิให้ลงไม้ลงมือบ้างดอกฤา อย่างน้อยก็ต้องจับตีสักทีสองทีให้หายดื้อ แลต้องขังไว้แต่ในเรือนมิให้ไปเที่ยวที่ใดสักพักถึงจักดี”
“จักดีไปคนเดียวเถิดเจ้าค่ะ” เกศสุรางค์สะบัดหน้าเดินหนีอย่างไม่สบอารมณ์
ท่านขุนรีบเดินตาม ผินกับแย้มยิ้มชอบใจ จวงอยากยิ้มแต่ฝืนไว้ จิกรู้ว่าจวงเป็นพวกปริก
ooooooo
รุ่งเช้า ขุนศรีวิสารวาจาพาทุกคนกลับอยุธยา เกศสุรางค์คุยจ้อกับออกญาโหราธิบดี เสียดายที่ท่านไม่ได้ไปด้วย ตนได้เที่ยวสนุกมาก ออกญาสบตาอย่างเอ็นดู
“ลุงดีใจนะที่ออเจ้าอยู่...ที่นี่...ได้อย่างเป็นสุขใช่หรือไม่” เกศสุรางค์รับคำน้ำตาซึม ออกญาลูบหัวเบาๆ “อีกไม่กี่วันพี่เจ้าเขาจะเดินทางไกล ออเจ้ามิต้องพะวงนะแม่การะเกด อยู่กับลุงคอยจนกว่าพี่เขาจะกลับมา ลุงจะจัดงานตบแต่งให้...เอ้า ร้องไห้ทำไมฤา เสียใจอันใด”
“ไม่ได้เสียใจอันใดเจ้าค่ะ...ดีใจเจ้าค่ะ”
ทั้งขุนศรีวิสารวาจาและออกญาโหราธิบดีหัวเราะ ...เกศสุรางค์เข้าห้อง เปรยกับผินและแย้มว่า ตนรักคุณลุง...คุณลุงใจดี...ผินแย็บแม้เวลาที่แม่นาย...แล้วหยุดไม่กล้าพูดต่อ เกศสุรางค์รู้ว่าหมายถึงตอนการะเกดร้าย ท่านก็ยังเมตตา ช่างโชคดียิ่งนักที่ได้มาพึ่งใบบุญท่าน