ตอนที่ 11
เกศสุรางค์นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ครุ่นคิดรื้อฟื้นความจำเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ พอได้ยินพระวิสุทธสุนทรพูดเรื่องพระปีย์ว่าคงเข้ารีตไปแล้ว ก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจว่า
“พระปีย์...รู้ตัวไหมคะว่าตัวเองเป็นโอรสของขุนหลวง”
“เรื่องนี้มิใช่ความลับ แต่มิมีผู้ใดพูดให้กระจ่างแจ้ง คงเป็นเรื่องที่พูดกันแบบกระซิบๆ” ออกญาโหราธิบดีตอบแทนเพราะคนอื่นไม่กล้าพูด
“ทำไมขุนหลวงไม่ยอมรับล่ะคะ เพราะรูปไม่งามเหรอคะ”
ขุนศรีวิสารวาจาปราม คนอื่นแปลกใจเธอเคยเห็นเมื่อไหร่ ออกญาข้องใจจนต้องถาม
“นางมาอยู่เรือนนี้เกือบขวบปีไม่เคยอยากออกไปที่ใด เพิ่งจะมาชอบเที่ยวเตร่ก็...หลังจากข้ากับพ่อเดชสวดมนต์กฤษณะกาลีนี่แหละ เมื่อเป็นเช่นนี้ออเจ้ารู้ยังไรว่า พระปีย์รูปไม่งาม”
เกศสุรางค์หัวเราะแหะๆไปไม่ถูก อ้างว่าได้ยินคนพูดกัน ออกญาว่าเธอโกหกเพราะไม่มีใครเคยเห็นพระปีย์ ขุนศรีวิสารวาจาซักอีกคน หญิงสาวจนปัญญาสารภาพว่ารู้จากประวัติศาสตร์
“บอกว่าพระปีย์ตัวเตี้ย หลังก็ค่อม เดินตัวเอียงๆ
แต่พูดเพราะ กิริยาดี ขุนหลวงนารายณ์เลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมแล้วก็รักมากด้วย...ไหนๆก็ไหนๆแล้วพูดให้หมดเลยวะ” พึมพำกับตัวเอง
พระวิสุทธสุนทรจะซัก ออกญาขอไว้อย่าเพิ่งสงสัย เมื่อถึงเวลาเราจะรู้เอง ให้เธอเล่าต่อ
“ขุนหลวงนารายณ์มีน้องชายสององค์ที่มีแม่เดียวกัน เจ้าฟ้าน้อยกับเจ้าฟ้าอภัยทศเจ้าค่ะ แต่เจ้าฟ้าน้อยไม่สบายป่วยหนักใช่ไหมเจ้าคะ ก็เหลือเจ้าฟ้าอภัยทศ
องค์เดียวที่...น่าจะมีสิทธิ์ในราชบัลลังก์” เกศสุรางค์
ปรายตามองหลวงสรศักดิ์ แต่เขาเมินหน้าหนีดูเครียดไปจากเดิม
พระวิสุทธสุนทรหวั่นใจเพราะฟอลคอนเข้าทางเจ้าฟ้าอภัยทศ พยายามจะให้เข้ารีต หลวงสรศักดิ์เสียงเข้มอย่างไม่พอใจ
“มันไม่น่าไว้ใจเลยไอ้ฝรั่งไพร่คนนี้ ชะ จับปลาสองมือ เหยียบเรือสองแคม ทั้งน้องชายทั้งลูกชายของขุนหลวง เฮ้ย...กูจะบอกให้ ลูกชายขุนหลวงไม่ได้มีคนเดียวเว้ย...”
ทุกคนเงียบกริบราวรู้เรื่องนี้กันดี หลวงสรศักดิ์ตัดบทขอตัวกลับ แต่ก่อนกลับอดถามพระวิสุทธสุนทรไม่ได้ว่าจะรับเป็นทูตไหม ท่านย้อนถามว่าสามารถขัดพระบรมราชโองการได้หรือ
หลวงสรศักดิ์กลับมาเล่าให้พระเพทราชาฟังอย่างไม่สบอารมณ์ว่าพระวิสุทธสุนทรยังไม่ได้รับคำสั่ง แต่ดูเหมือนท่านจะยอม พระเพทราชาแก้ตัวแทนว่า
“ถึงขุนหลวงไม่มีพระบัณฑูรสั่ง แลถึงเขาไม่ตอบรับคำไอ้ก็องสตังซ์เรื่องเป็นทูตฤาไม่ แต่อาขุนปาน
ของเอ็งเขานกรู้ ว่าไอ้ฝรั่งสัญชาติไพร่มันต้องเพ็ดทูลจนมีรับสั่งลงมาอย่างแน่นอน ถึงยังไร ออกพระวิสุทธก็ต้องเป็นทูตไปเฝ้ากษัตริย์เมืองฝรั่งเศส เลี่ยงมิได้หรอกพ่อเดื่อ”
“เกลียดมันเสียจริง เหตุใดข้าราชการทั้งกรุงศรีจึงยอมให้มันกุมอำนาจข้ามหน้าข้ามตา ในเมืองของมันมันเป็นไอ้ไพร่สถุล แล้วที่กรุงศรีนี่มันเป็นออกพระมีอำนาจล้นเหลือ เข้านอกออกในพระเจ้าแผ่นดินสบายใจ อยากให้มันเป็นยังไรก็เพ็ดทูลเข้าไป”
“การสิ่งใดที่จะเกิดขึ้นหาใช่อยู่ที่คนพูดเท่านั้น หากแต่อยู่ที่คนฟังด้วย”
“เหตุใดจึงทรงพระกรรณเบาเชื่อฟังฝรั่งไพร่ขนาดนี้” หลวงสรศักดิ์โกรธทุบที่นั่งแรงๆ พระเพทราชาตกใจถามลูกเป็นอะไร หลวงสรศักดิ์ระเบิดความคับอกคับใจ “ท่านพ่อ...ข้า ผู้เป็นลูกชายท่านพ่อ
คนนี้ แม้จริงเป็นลูกของขุนหลวงเกิดจากสนมลับใช่หรือไม่ ถ้าเป็นจริง ทรงมี...”
“พ่อเดื่อลูกพ่อ กาลเวลาผ่านมาเนิ่นนานจนเจ้าเติบใหญ่ เจ้าก็เป็นลูกข้ามาถึงบัดนี้ ถ้าต่อไปภายหน้าเจ้าจะพึงได้สิ่งใดโดยสิทธิ์ของเจ้า เจ้าก็จะได้เพราะเป็นลูกของออกพระเพทราชา หาใช่โอรสของพระนารายณ์เป็นเจ้าไม่”
หลวงสรศักดิ์มองจ้องตาผู้เป็นพ่อโดยนัย
ที่เข้าใจกันด้วยดี แล้วกลับมาคุยกันด้วยข้อสงสัยที่ว่า ฟอลคอนยกย่องกษัตริย์ฝรั่งเศสมาก ทำไมไม่ไปเป็นทูตเสียเอง
ooooooo