ตอนที่ 11
ขุนศรีวิสารวาจากับการะเกดกลับมา สีหน้ายิ้มแย้ม ผินกับแย้มช่วยกันจัดสำรับตั้งโต๊ะ เกศสุรางค์เปรยว่าต่อไปจะซื้อช้อนส้อมไว้กินข้าว ท่านขุนสบตาลึกซึ้งน้ำเสียงอ่อนโยนว่าตามใจ แต่งงานกันแล้วตนให้เธอเป็นใหญ่ในบ้าน หญิงสาวสวนทันทีว่าไม่ต้องการเป็นใหญ่
“ไม่ต้องเป็นใหญ่หรอก...เพราะข้าจักไม่มีเล็กๆ ให้ออเจ้าเป็นใหญ่”
เกศสุรางค์ตาโพลงถามเขาหมายความว่าอย่างไร ท่านขุนไม่ตอบเปลี่ยนเรื่องไปเสียงั้นว่าบ่ายนี้จะพาไปเที่ยวพระปรางค์สามยอด หญิงสาวดีใจลืมเรื่องที่ซักถามทันที
ช่วงบ่ายเกศสุรางค์ยืนรอหน้าเรือนตื่นเต้นจะได้เห็นพระปรางค์สามยอด ขุนศรีวิสารวาจาเดินมาจับไหล่สองข้างจ้องตาถาม ยังอยากรู้เรื่องที่ตนพูดอยู่อีกไหม หญิงสาวส่ายหน้ารัว หันไปชวนผิน แย้ม และจ้อยไปเที่ยวกัน จ้อยส่ายหน้านิดๆมือจูงม้าตัวหนึ่งอยู่ ท่านขุนจึงบอก
“ม้านั่นข้าให้เตรียมไว้เอง หากเดินไปจักเหนื่อยนัก ละโว้นี้ไม่มีคูคลองให้เดินทางทางเรือมากมายเท่าอยุธยาดอกหนา” เกศสุรางค์บอกขี่ม้าไม่เป็น ผินกับแย้มก็ขี่ไม่เป็น “ผู้ใดบอกว่าจักให้พวกเอ็งไปด้วยเล่า ขี่ม้า ชมเมืองไปแค่สองคนก็พอ เอ็งก็เห็นแล้วว่ามีม้าตัวเดียว”
เกศสุรางค์เอะใจจะไปอย่างไร ทันใดท่านขุนรวบเอวเธออุ้มขึ้นนั่งบนหลังม้าแล้วเหยียบโกลนตามขึ้นนั่งคร่อม ผินกับแย้มวี้ดว้ายปิดตาเมื่อเห็นท่านขุนโอบเอวแม่นายของพวกเธอ
บนถนนทางไปพระปรางค์สามยอด ขุนศรีวิสารวาจาพาม้าเดินเหยาะๆ เกศสุรางค์นั่งตัวแข็งสีหน้าหวั่นไหวเพราะอยู่ใกล้ชิดเขามาก ใบหน้าเขาใกล้จนหายใจรดใบหู แต่ก็พยายามหาเรื่องสนทนา ถามเขาเห็นของที่พวกทูตเอามาถวายขุนหลวงหรือไม่ ท่านขุนยื่นหน้ามาใกล้แก้มตอบสั้นๆว่าเห็น ข้าวของแปลกตาขุนหลวงพอพระทัยมาก ด้วยความอยากรู้เกศสุรางค์หันขวับมาถามว่าของอะไรบ้าง พอรู้สึกว่าหน้าประชิดก็รีบหันกลับนั่งตัวตรง
ท่านขุนดึงเธอให้พิงมาที่อก “นั่งให้สบาย เพราะข้าวของมีหลายอย่างนัก กว่าจะฟังจบเจ้าก็จักเมื่อยเสียก่อน” เธอขืนตัวบอกไม่เมื่อย เขาเอ็ดว่า “เมื่อย...อย่าเถียง”
หญิงสาวถอนใจยอมพิงอกเขาแล้วถามว่าของมีอะไรบ้าง ท่านขุนบอกที่แน่ๆคือกล้องที่ใช้ส่องจนเห็นถึงดวงดาวที่อยู่แสนไกล...ผ่านไปสักพัก เกศสุรางค์ถามขึ้นอีก
“ท่านออกพระวิสุทธสุนทรจะไปเป็นทูต คุณพี่ว่าเหมาะสมหรือไม่คะ”
“เหมาะสมยิ่ง ท่านราชทูตเดอโชมองต์ยกย่องนับถือท่านออกพระเป็นอย่างดี”
“ก็ท่านงามสง่าเหลือเกิน พูดจาท่าทางดีมีปัญญาสูงส่ง หน้าตาก็ล้อ...หล่อมีเสน่ห์” ท่านขุนหยุดม้าทันที หลังเกศสุรางค์กระแทกอกท่านขุน เธอแปลกใจถามหยุดทำไม
“ใช่ท่านงามสง่า ท่านจึงมีเมียมากถึงยี่สิบสองคน” เกศสุรางค์ตกใจอยากเป็นลม ท่านขุนพูดน้ำเสียงปกติ “เรื่องธรรมดาตกใจไปไยกัน”
“ยี่สิบสอง โห...นึกภาพเมียแรกๆออกเลย ยี่สิบสองคน...กว่าจะวนลูปมาถึง”
“อะไรของออเจ้า ลูบ...อะไร”
เกศสุรางค์ถามต่อว่าเมียหนึ่งเมียสองของท่านพระวิสุทธฯรู้สึกอย่างไร ท่านขุนย้อนว่ามิรู้ มิใช่เมียท่าน หญิงสาวหัวเราะแอบพึมพำเบาๆ
“คิดว่าเป็นไม่ได้เร้อ...อยากให้ไปกรุงเทพฯจังเลย...หนาวแน่ท่านขุน”
ขุนศรีวิสารวาจาได้ยินไม่ถนัดคิดว่าเธอหนาว เกศสุรางค์รีบปฏิเสธ แต่เขาไม่เชื่อโอบกระชับอ้อมกอดเธอแน่นขึ้น เธอหมดปัญญาจะแก้ตัว...พอถึงพระปรางค์สามยอด เกศสุรางค์ทึ่ง
“งามเหลือเกินศิลปะขอมนะคะเนี่ย...พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตั้งเกือบ 400 ปีมาแล้ว ศิลาแลงยังสมบูรณ์อยู่มากนะคะ...องค์กลางพระพุทธรูปปางนาคปรก องค์ทางขวาเป็นรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร องค์ทางซ้ายเป็นรูปนางปรัชญาปารมิตา ยอดปรางค์คล้ายฝักข้าวโพดมีกลีบขนุนงามที่สุด” ท่านขุนอึ้งจนต้องเรียกการะเกด ทำให้เกศสุรางค์หลุดจากภวังค์ ตั้งหลักแก้ตัวได้ทัน “คะ...อ๋อ ทำไมข้ารู้หรือเจ้าคะ ตอนเด็กๆข้ามีครูมาสอนหนังสือเขาเล่าให้ฟังค่ะ”