ตอนที่ 1
เพื่อนๆมองหน้าพัสกรแซวๆ รอคำตอบ พัสกรหงุดหงิด ไม่ตอบและเดินหนี เพื่อนคนแรกเดินมากอดคอ
“เฮ้ย อย่าเครียดดิ พวกกูแค่ล้อเล่นเฉยๆน่ะ”
พูดแล้วบีบก้นหมับ หัวเราะร่า “ลูกตุ๊ด ฮ่าๆๆ”
เพื่อนทั้งสามหัวเราะเฮฮา พัสกรฉุนขาดจ้ำหนีไปทันที
ที่หน้าห้างคอมมูนิตี้...ภากรเสร็จงานแล้วแม้จะเช็ดเครื่องสำอางบนหน้าออกแล้วแต่ยังมีร่องรอยการกรีดตาเหลืออยู่ เขาเดินถือถุงที่ซื้อของออกจากห้อง จะรีบข้ามถนนเพื่อไปขึ้นรถเมล์ฝั่งตรงข้าม จู่ๆพัสกรที่ดักอยู่ก็เดินออกมา ภากรดีใจถามว่าพัสมาทำอะไร พัสกรไม่ตอบ แต่กลับถามเสียงเครียดว่า
“ไหนพ่อบอกผมว่าจะไม่เต้นแล้ว”
ภากรชะงัก บอกว่าเขาหาคนเต้นไม่ได้เลยมาขอให้ช่วย และงานนี้เขาก็ให้เงินดีด้วย พัสกรย้ำว่าแต่พ่อรับปากตนแล้ว ภากรกล้ำกลืนชี้แจงอย่างใจเย็นว่า
“พัส พ่อเป็นนักเต้น ถ้าไม่ให้พ่อเต้นแล้วจะให้พ่อหาเงินจากไหน”
“จากไหนก็ได้ อาชีพอื่นที่ดีๆมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมาแต่งตัวชุดรัดแบบนั้นขึ้นเวที ท่าเต้นก็แต๋วแตก!! พ่อไม่อายบ้างเหรอ”
ภากรถามว่าทำไมต้องอาย มันเป็นศิลปะ แล้วอาชีพนักเต้นมันก็อาชีพสุจริต พัสกรเสียงแข็งว่า
“พ่อไม่อายแต่ผมอาย พ่อไม่เป็นผมพ่อไม่รู้หรอก ผมถูกเพื่อนล้อที่มีพ่อเป็นแบบนี้ พวกมันบอกว่าพ่อเป็นตุ๊ด มันล้อว่าผมเป็นลูกตุ๊ด”
“พ่อไม่ได้เป็นตุ๊ด พ่อทำอาชีพสุจริตที่ทำให้พ่อมีเงินให้พัสเรียน นี่เงินค่าเรียนพิเศษของพัส”
“ผมไม่เอา ไม่เอา!!” พัสกรจ้องหน้าพ่อแล้วเดินหนีไป
ภากรร้องเรียกแล้ววิ่งตามไปที่ถนนเพื่อจะข้ามตามไป แต่ไม่ทันระวังถูกรถเมล์พุ่งชนอย่างจัง ข้าวของในมือกระเด็นกระจาย พัสกรได้ยินเสียงหันกลับมาเห็น ช็อกสุดขีด ร้องสุดเสียง...
“พ่อ!!!”
หลังงานศพพ่อ พัสกรในชุดนักเรียนถือรูปหน้างานศพของพ่อเดินกลับบ้านเช่าอย่างเงื่องหงอยเศร้าสร้อย วางรูปพ่อลงคุกเข่าร้องไห้โฮ
ooooooo
อีกมิติหนึ่ง...ที่ถนนเส้นทางขึ้นเหนือ อคินอยากเป็นทหารอากาศ อยากเป็นนักบิน แต่ผิดหวังสอบเข้าเตรียมทหารไม่ติด โทษว่าตนโคตรห่วยโคตรกาก
ขณะขับรถเปิดประทุนมาตามเส้นทางขึ้นเหนือ เห็นเครื่องบินบินผ่านก็ยิ่งตอกย้ำความผิดหวัง ตะบึงรถไล่บี้คันหน้า เมื่อไม่ทันใจก็ตัดสินใจขับสวนเลนจะแซงขึ้นไป จู่ๆมีรถกระบะวิ่งสวนมา แต่อคินตัดสินใจไม่ถอย เร่งเครื่องจะแซง ขับเบียดจนรถคันที่ขับช้าตกใจหักหลบทำให้เสียหลักพุ่งเข้าข้างทางชนต้นไม้โครม!!!
อคินมองจากกระจกหลังเห็นรถมีควันพุ่งขึ้นทันที อคินลังเลว่าจะช่วยหรือไม่ช่วย สุดท้ายตัดสินใจเข้าเกียร์ขับหนีไปเพราะคิดว่า “เราไม่ได้ชน”