ตอนที่ 11
วัฒน์กลับบ้านในสภาพสะบักสะบอม ภัสสรที่รออยู่อย่างกระวนกระวายพอเห็นสภาพของวัฒน์ก็ตกใจถามว่าไปโดนอะไรมา ใครทำอะไรลูก?! วัฒน์ทรุดลงอย่างหมดแรง
ภัสสรถามว่าเช็คสามล้านลูกไม่ได้เอาไปบริจาคใช่ไหม วัฒน์ขอโทษ สารภาพว่าตนผิดไปแล้ว ตนแค่อยากหาเงินมาใช้หนี้วศินเร็วๆ
ภัสสรตกใจเมื่อวัฒน์บอกว่าตนเอาเงินสามล้านนั่นไปใช้หนี้ที่บ่อน และตกใจยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าวัฒน์เป็นหนี้บ่อนถึงสิบล้าน! แล้วก็เป็นลมไปทันทีเมื่อวัฒน์บอกว่ามันบอกว่าถ้าตนหาเงินมาใช้หนี้ที่เหลือไม่ได้ มันจะเข้ายึดหุ้นบริษัทของเรา!!
ooooooo
อ้อกับหนูดีนั่งคุยกับวศินที่ร้านอาหารในห้างวรกิจ อ้อเล่าว่าป้าถวิลบอกว่าอาร์ตไม่กลับบ้านมาหลายวันแล้ว น้ามณีก็ไม่ยอมบอกคุณพ่อ ที่สำคัญก่อนหน้านี้สงสัยว่าอาร์ตจะขโมยเงินของตนไปด้วย
อ้อเล่าอย่างเป็นห่วงอาร์ตว่าตนพยายามจะคุยกับอาร์ตแต่ก็ถูกน้ามณีว่าเอา ที่แย่ไปกว่านั้นคือแม่กับน้ามณีก็มามีเรื่องกันอีก ตนเป็นห่วงอาร์ตแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
หนูดีว่าอาร์ตเป็นเด็กเงียบๆ ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ไปได้ แต่วศินมองลึกกว่านั้น บอกว่าอาร์ตเป็นเด็กเก็บกด สภาพแวดล้อม สิ่งที่เจอในครอบครัวทำให้อาร์ตเป็นแบบนี้ อ้อกลัวว่าอาร์ตจะไปยุ่งกับยาเสพติด
“พี่เข้าใจอาร์ตนะครับ ตอนนี้เราต้องช่วยกันดึงอาร์ตกลับมาก่อนที่จะเสียคนไปมากกว่านี้...” แล้วหันไปบอกอินทัชที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ “ให้คนของเราช่วยกันตามหาอาร์ตด้วย” บอกอ้อว่า “ถ้าอาร์ตกลับมาให้พยายามพูดกับอาร์ตให้มากๆ ให้อาร์ตเปิดใจกับเราก่อนเราถึงจะช่วยน้องได้”
ความพยายามหาทางช่วยอาร์ตน้องต่างแม่อย่างจริงใจของวศินทำให้หนูดีแอบประทับใจโดยไม่รู้ตัว
พอออกจากร้านอาหาร วศินกับอินทัชไปจ่ายค่าอาหารที่เคาน์เตอร์ อ้อบอกหนูดีว่า พี่วศินน่ารักเนาะ แม้หนูดีจะแอบประทับใจแต่ก็พูดกลางๆว่า
“เขาก็เป็นพี่ชายที่ดี” อ้อแซวหยั่งว่า ใจอ่อนกับพี่วศินได้แล้วใช่ไหม “พี่ชายที่ดี คนละเรื่องกับผู้ชายที่ดีนะจ๊ะอ้อ” อ้อถามว่าเมื่อไหร่จะหายโกรธพี่วศินล่ะ “นี่อ้อเชียร์ใครกันแน่ นายพ่อเลี้ยงนี่ หรือพี่อ้น?”
“อ้อไม่ได้เชียร์ใคร สองคนนี่ก็พี่ชายอ้อเหมือนกันทั้งคู่ หนูดีเลือกใครอ้อก็เห็นด้วยทั้งนั้น ขอให้หนูดีมีความสุขก็พอ” หนูดีบอกว่าตนไม่มีสิทธิ์เลือกใครอีกแล้ว “แต่หนูดีก็ยกโทษให้พี่วศินได้ไม่ใช่เหรอ?”
หนูดีฟังแล้วชะงัก พอดีวศินกับอินทัชเดินมา สองสาวเลยไม่พูดเรื่องนี้กันอีก
วศินขอบคุณหนูดีที่พาตนเดินดูห้าง ขอบคุณอ้อที่มาคุยกับตน อ้อบอกว่าไม่เป็นไรตนก็เป็นห่วงอาร์ตเหมือนกัน หนูดีบอกถ้างั้นตนกลับก่อน วศินจะไปส่ง หนูดีบอกไม่ต้องเพราะอ้อเอารถมา แล้วสองสาวก็ลาสองหนุ่มเดินแยกไป อินทัชถามว่าแล้วเรื่องคุณหนูดีเขาจะเอายังไงต่อ
“ไม่รู้สิ...แต่ถ้ายังมีโอกาส ฉันไม่ถอยง่ายๆหรอก” วศินมองหนูดีอย่างมุ่งมั่น
ooooooo
หนูดีกลับถึงบ้านเจอวัฒน์มาดักรออยู่บอกว่าเกิดเรื่องแล้วตนทำให้แม่เสียใจ หนูดีถามว่าเรื่องอะไร วัฒน์ขอให้หนูดีสัญญาก่อนว่าถ้าบอกแล้วจะไม่โกรธตนไปอีกคน
ภัสสรรู้สึกตัวแล้วลุกขึ้นมานั่งเสียใจกับการกระทำของวัฒน์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน นึกถึงคำพูดของวรกิจที่เคยเตือนว่า
“ผมไม่เห็นด้วยที่คุณเลี้ยงลูกไม่ให้รู้จักความลำบาก แล้วต่อไปในอนาคต ถ้าลูกต้องเจอปัญหาพบกับความยากลำบากลูกจะทำยังไง ลูกจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง ถ้าไม่มีภูมิคุ้มกันความลำบากซะบ้างแบบนี้”
คิดแล้วภัสสรน้ำตาไหล พึมพำ “คุณพูดถูก ฉันเลี้ยงลูกผิดจริงๆ”
หนูดีเคาะประตูเข้ามาบอกว่าพี่วัฒน์เล่าเรื่องให้ฟังหมดแล้ว ปลอบแม่ว่าไม่เป็นไรเราค่อยๆหาทางแก้ปัญหากันไป บอกแม่ว่า “หนูดีจะแก้ปัญหานี้เองค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
ภัสสรกอดหนูดีร้องไห้มองรูปวรกิจ พูดกับเขาว่า...
“ลูกที่ฉันไม่คาดหวัง กลับเป็นลูกคนที่ฉันพึ่งพิงยามมีปัญหาได้มากที่สุด ขอบคุณนะคะคุณวรกิจ โชคดีที่หนูดีมีคุณสอน”
วรกิจในรูปเหมือนมองมาและยิ้มให้กำลังใจ...
ooooooo
วันนี้เจ้าพลกาวิลกับวินพัตราจะกลับเชียงรายแล้วจึงแวะมาหาอังกาบที่บ้านวศิน ขณะนั่งทาน อาหารและคุยกันอยู่ วศินกลับมาพอดี วินพัตราดีใจ เรียกให้มาทานข้าวด้วยกัน
เจ้าพลกาวิลถามวศินว่าไปทำงานมาหรือ
อังกาบช่วยบอกว่าช่วงนี้วศินงานยุ่งต้องไปช่วยงานที่ห้างคุณวรกิจด้วย เจ้าพลกาวิลถามว่าพ่อเลี้ยงมีหุ้นที่ห้างนั้นด้วยหรือ วศินตอบไม่เต็มเสียงว่า...เอ้อ...ครับ
วินพัตราสนใจ พูดแทรกขึ้นอย่างมีเจตนาว่า
“พูดถึงครอบครัวนั้น ท่าทางเขาต้องมีปัญหากันแน่ๆเลยนะคะ” อังกาบถามว่าหนูน้อยไปรู้อะไรมาหรือ “ก็...เมื่อกลางวันน่ะสิคะ น้อยกับเจ้าพ่อเจอกับคุณภัสสร คุณภัสสรบอกว่าฝากเงินคุณภัควัฒน์มาบริจาคเงินเข้าโครงการสามล้าน”
อินทัชมองหน้าวศินเพราะรู้เรื่องเงินก้อนนี้ เจ้าพลกาวิลเล่าต่อจากวินพัตราว่า
“แต่พอพวกเราบอกว่ายังไม่ได้รับเงิน คุณภัสสรก็หน้าถอดสีเลย”
“สงสารจังเลยนะคะ ได้ข่าวว่าการเงินครอบครัวนั้นกำลังแย่” วินพัตราเล่นบทหน้าเนื้อใจเสือดิสเครดิตครอบครัวหนูดีเนียนๆ