ตอนที่ 14
บรรดาผีทั้งหลายที่ถูกไสยดำครอบงำต่าง
ได้รับการปลดปล่อย โดยเฉพาะแพร หลุดพ้นจากอำนาจไสยดำของราตรีได้รับการปลดปล่อยไปสู่สุคติ
ราตรีอยู่ที่เรือนเล็กรับรู้เหตุการณ์ทั้งหมด
กรีดร้องอย่างเจ็บแค้น รูปปั้นอัปลักษณ์เกิดรอยร้าวที่ไหล่ และที่ไหล่ของราตรีก็เกิดแผลเน่าเปื่อย
“ไอ้พุก! พวกมึงอย่าคิดนะว่าเพลงมึงจะเอาชนะอาถรรพณ์เพลงท่วมธรณีได้ โลกจะต้องจดจำว่าเพลงของพี่เทิดคือเพลงแห่งความตาย!!”
สิ้นเสียงคำรามอาฆาตแค้นของราตรี ระนาดและเครื่องดนตรีในห้องก็บรรเลงเพลงท่วมธรณีก้องขึ้น
ที่ห้องพักคนไข้ของเม มิ่งกับธวัชเฝ้าเมที่
นอนหลับเพราะฤทธิ์ยา เมค่อยๆลืมตาขึ้น มิ่งกับธวัช
ดีใจมาก
“แก...ฉันขอโทษ ฉันแค่อยากให้แกหลับ ไม่คิดว่าจะทำให้แกเกือบต้องตาย” มิ่งพูดอย่างรู้สึกผิด
“ขอบใจแก แกทำให้ฉันได้ไปเจอพี่ยชญ์
จริงสิ...ฉันจะไปหาพี่ยชญ์” พูดแล้วเมลุกพรวดวิ่งอ้าวออกไป มิ่งกับธวัชตกใจรีบวิ่งตาม
เมวิ่งไปที่ห้องยชญ์ เห็นร่างยชญ์นอนนิ่งอยู่บนเตียง มีผ้าคลุมถึงหน้า อ่ำกับจำเนียรกอดกันร้องไห้อย่างหนัก เมช็อก ถลาไปที่เตียงกอดยชญ์คร่ำครวญ
“ไม่จริง...ทำไมเป็นแบบนี้ พี่ยชญ์...ฟื้นสิ ไหนว่ารักฉันไง ลุกขึ้นมาสิ...พี่ยชญ์ ฉันรักพี่นะ
กลับมา...กลับมา...”
จู่ๆมือยชญ์ก็เอื้อมมากอดเมไว้ ยชญ์พูด
อย่างตื่นเต้นว่า “ไหนพูดใหม่ซิ ได้ยินไม่ถนัด”
เมผงะออกมาตาขวางทั้งที่น้ำตายังเปียกแก้ม เมอายมากหันไปด่ายชญ์ “ไอ้กะล่อน” แล้วบีบจมูกยชญ์จนเขาร้องว่าหายใจไม่ออกแล้ว เมทั้งอายทั้งหมั่นไส้บอกว่าคนอย่างนายตายๆไปเลย
ยชญ์กอดและหอมเม ถามอ้อนว่า “ถ้าฉันตายเธอจะไม่คิดถึงฉันแย่เหรอ” เมดิ้นบอกให้ปล่อย อายเขา
การหยอกล้อกันด้วยความรักความห่วงใยของทั้งสอง ทำให้อ่ำ จำเนียร มิ่ง กับธวัชยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย อ่ำกระซิบจำเนียรว่า สงสัยตนคงได้อุ้มหลานเร็วๆนี้แหละแม่เนียร ทุกคนเลยหัวเราะอย่างมีความสุข ธวัชถือโอกาสกอดมิ่งเนียนๆ มิ่งมองขวับ ทำเอาธวัชหน้าจ๋อย แต่แล้วก็ยิ้มออกเมื่อมิ่งบอกว่า
“ถ้าจะกอดฉันก็ต้องกอดให้แน่นสิ ตาทึ่ม”
บรรยากาศเลยอบอวลด้วยความรักและความสุข...
ooooooo
ยชญ์ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง มองเมที่กำลังเลื่อนโต๊ะวางอาหารมาที่เตียงพลางพูดชวนให้กิน
“ข้าวต้มหมูน่ากินมากเลย กินเยอะๆนะ นายจะได้หายเร็วๆ” เลื่อนโต๊ะจัดอาหารเสร็จแล้ว ยชญ์กลับนั่งเฉย “ทำไมไม่กินล่ะ หรือว่าไม่ชอบอาหารของโรงพยาบาล ถ้างั้นฉันลงไปหาอะไรข้างล่างให้เอาไหม”
“ฉันกินได้ แต่มือฉันไม่มีแรง สงสัยเป็นเพราะไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน”
ยชญ์ทำท่ายกมือไม่ขึ้นเพราะอ่อนแรง เมมอง
อย่างรู้ทันหมั่นไส้ แต่ก็พยักหน้าทำไม่รู้ไม่ชี้บอกว่า
“ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นฉันจะป้อนนายเอง” ว่าแล้วก็ลงมือป้อนอย่างกระตือรือร้น ยชญ์แอบยิ้มสมใจอ้าปากอ้ำข้าวต้มคำโต แต่แล้วก็ต้องรีบคายออกแทบไม่ทัน ร้อง
“โอ๊ย...ร้อน!”
ยชญ์หันไปหยิบทิชชูมาเช็ดปากวุ่นวายแล้วรีบหยิบน้ำอมไว้ในปากแก้ร้อน เลยถูกเมพูดดักคอ
“ไหนบอกมือไม่มีแรงไง ทีหยิบทิชชู ยกแก้วน้ำ ออกจะคล่อง นายนี่กะล่อนเหมือนกันนะ”
“นี่เธอจงใจแกล้งฉันใช่ไหม”
“เปล๊า...” เมเสียงสูงทำหน้าตาย “ตกลงนายจะให้ฉันป้อนหรือนายจะกินเอง”
ยชญ์ไม่ตอบ แต่หยิบช้อนตักข้าวต้มเป่าแล้วกินเอง เมแอบขำ แล้วชะงักเมื่อมิ่งเปิดประตูเข้ามาสีหน้าไม่ดี ร้องทักเมื่อเห็นยชญ์ลุกนั่งแล้ว
“พี่ยชญ์ฟื้นแล้วเหรอคะ”
“จ้ะ แต่สีหน้ามิ่งเหมือนไม่ดีใจเลยนะ” เมเห็นด้วย ถามมิ่งว่ามีอะไรหรือเปล่า?
“สาขาเรากำลังจะถูกยุบแล้วนะ”