ตอนที่ 13
“พี่ณุทุ่มเทพลังทั้งหมดในชีวิตเพื่อละครเรื่องนี้ ยอมแลกทุกอย่างเพื่อทำความเข้าใจทุกตัวละครในเรื่องนี้ และพยายามอย่างที่สุดที่จะแก้ไขและจบละครเรื่องนี้ในแบบของพี่ณุเอง แต่ต่อให้เราตั้งใจอยากจะเปลี่ยนแปลงทำให้มันดีที่สุดแค่ไหน เราก็ทำได้แค่ยอมรับเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ของการทำละครและอย่างเดียวที่เราพอทำได้ คือ...เปลี่ยนแปลงตัวเราเอง”
นอกจากนี้รินยังขออุทิศรางวัลนี้ให้กับทุกตัวละครที่มีตัวตนอยู่จริงๆในตำนานนางบาปแห่งบางบัวบาน แม้ละครเรื่องนี้จะสร้างจากตำนาน แต่เธอเชื่อว่าทุกคนสามารถเขียนตำนานชีวิตของตัวเองได้ใหม่เสมอ เหมือนอย่างที่พี่ณุเคยพูดบ่อยๆว่า
“การทบทวนอดีตจะช่วยให้เราทำปัจจุบัน
ให้ดีกว่าเดิม เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ หากไม่ยอมรับ บาดแผลของอดีต และเมื่อเรายอมรับอดีตได้ อนาคตก็อยู่ที่เรา เราเขียนตำนานขึ้นใหม่ได้ด้วยตัวเอง” สิ้นเสียงริน เสียงตบมือดังกึกก้องตามมา...
ในเวลาต่อมาหลังงานประกาศรางวัลเลิก รินกับปาลกำลังจะกลับ คุณไอริณเข้ามาแสดงความยินดีกับรางวัลที่ได้รับ รินขอบคุณเธอเช่นกันที่ให้โอกาสบริษัทของตนได้ทำละครเรื่องนี้
“ยินดีมากๆค่ะ แล้วมีโปรเจกต์ใหม่รึยังคะ ไอริณอยากเห็นละครจากค่ายคุณรินอีก”
“ขอบคุณนะคะ แต่การทำละครเรื่องหนึ่งมันใช้พลังเยอะมาก ลำพังรินคนเดียวคงทำมันไม่ได้หรอกค่ะ”
“วายนอต ก็ให้ปาลช่วยสิคะ เอาล่ะ ไอริณจะถือว่าวันนี้ไม่ได้ยินอะไรแล้วกัน ถ้าวันหนึ่งคุณมีโปรเจกต์ทำอะไรมาเสนอ ติดต่อไอริณได้โดยตรงเลยนะไม่ต้องผ่านเลขาฯ” ไอริณยิ้มให้ก่อนเดินจากไป...
ระหว่างขับรถกลับที่พัก ปาลบอกรินว่าแม่ปุกฝากของมาแสดงความยินดีกับเธอด้วย อยู่ในคอนโซลหน้ารถ เธอเปิดดูพบกล่องแหวนก็ตกใจไม่กล้าหยิบทำท่าจะปิดไว้อย่างเดิม
“ไม่ต้องกลัวผมเสียใจนะ ผมไม่รีบ ผมรู้คุณมีเรื่องต้องคิดเยอะ ช่วงนี้คุณฮอตนี่นา ไหนจะเรื่อง
ที่คุณไอริณเสนออีก”
“เรื่องคุณไอริณฉันยังไม่รู้จะตกลงไหม แต่เรื่องนี้...” รินหยิบกล่องใส่แหวนมาถือไว้ แล้วเอื้อมมือไปจับมือปาล “...ฉันตกลง”
ปาลยกมือเธอที่กุมมือตัวเองมาแนบแก้ม
ยิ้มมีความสุข...
ในเมื่อหมดห่วงกับทุกสิ่ง พระวิษณุออกเดินธุดงค์เข้าไปในป่า จากถนนมืดๆ เริ่มเป็นทางเดินที่มีต้นไผ่โน้มกิ่งเข้าหากันคล้ายเป็นอุโมงค์และมีแสงสว่างที่ปลายทางนั้น ท่านเดินอย่างสงบไปตามทางเหมือนหลุดพ้นบ่วงกรรมของทุกคน
ooooooo
–อวสาน–