ตอนที่ 13
หลายวันผ่านไป...
แม่ของรินเปลี่ยนจากเฝือกแข็งมาเป็นใส่เฝือกอ่อนแทนที่ทำให้ทำอะไรได้คล่องแคล่วขึ้น แต่ทั้งพ่อและรินก็ไม่ยอมให้ท่านทำงานอะไรหนักๆ วันนี้ก็เช่นกัน แม่ยืนสั่งพ่อให้ทำอาหารใต้ชุดใหญ่เนื่องจากรินจะกลับกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งแบ่งใส่กระปุกให้ปาลเอากลับไปกินที่บ้านด้วย สองคนช่วยกันทำอาหารไปพลางแซวกันสนุกสนานไปด้วยแม้จะมีหวั่นใจบ้างที่ลูกต้องกลับกรุงเทพฯ เพราะไม่รู้ว่าจะกลับมาอีกไหม
ปาลกับรินเดินกุมมือกันสะพายเป้เข้ามา พอเห็นพ่อกับแม่รีบปล่อยมือ แม่กระเซ้าจะปล่อยทำไม จับแน่นๆ ไว้ยิ่งดี ผู้ชายดีๆแบบนี้เป็นแม่ไม่ยอมปล่อยมือเด็ดขาด รินเขินหน้าแดง ปาลจึงเป็นฝ่ายจับมือเธอแทน
“แม่ครับ รินมีเรื่องจะบอกพ่อกับแม่ครับ”
แม่กับพ่อตื่นเต้นกันใหญ่นึกว่าปาลจะขอรินแต่งงาน รินรีบบอกว่าไม่ใช่ เธอจะกลับมาอยู่บ้านกับพ่อและแม่ ไม่ไปไหนอีกแล้ว พวกท่านดีใจแทบจะโดดตัวลอย โดยเฉพาะแม่จับแขนข้างที่ใส่เฝือก นี่ถ้ารถคว่ำแล้วจะได้ลูกสาวกลับมาแบบนี้ยอมคว่ำหลายๆรอบ รินต้องเอานิ้วแตะปากแม่ไว้ ขอร้องอย่าพูดแบบนี้อีก...
ทันทีที่เครื่องบินถึงกรุงเทพฯ ปาลกับรินขับรถไปหาพระวิษณุที่วัดบางบาปเพื่อขออนุญาตไม่รับบริษัทเบญจกายแปลงที่ท่านยกให้ รินเป็นห่วงแม่เป็นห่วงบ้านอยากกลับไปอยู่กับท่านที่ภูเก็ต
“เบญจกายแปลงไม่ใช่ของอาตมาอีกต่อไปแล้ว โยมจะทำอะไรกับมันก็แล้วแต่โยมเถิด ทำในสิ่งที่โยมมีความสุข อย่าให้อาตมาเป็นห่วงของโยมอีกเลย...วันนี้เห็นโยมทั้งสองคนมีอนาคต มีชีวิตที่ดีร่วมกัน อาตมาหมดห่วงทุกอย่างแล้ว ห่วงอย่างเดียวของอาตมาก็มีเพียงแต่โยมหยด ไม่รู้เมื่อไหร่จักหลุดพ้นได้”...
ในเวลาต่อมา ที่ตึกวนาเทพ ผีหยดซึ่งหลับอยู่ที่มุมหนึ่งได้ยินเสียงนักท่องเที่ยวคุยกันค่อยๆลืมตาขึ้น เห็นนักท่องเที่ยวสองคนที่มาทัวร์ตามรอยละครนางบาปคุยกันอยู่ตรงป้ายตำนานนางบาป และที่ข้างๆกันมีป้ายอีกอันหนึ่งปักอยู่พร้อมกับข้อความว่านี่เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่องนางบาป
หนึ่งในนักท่องเที่ยวอ่านรายละเอียดที่ป้ายเขียนไว้ “นางหยาดตามมารับใช้คุณกำไลที่ตึกใหม่ แล้วมันก็เกิดรักพระวนาเทพ พระวนาเทพก็ให้คำมั่นกับมันว่าจะให้มันขึ้นเป็นเมีย แต่ก็ไม่เคยรักษาสัญญา นางหยาดทาสใจบาปจึงวางยาพิษคุณกำไลและลูกเพื่อหวังทวงคำสัญญาที่จะได้ขึ้นเป็นเมียพระวนาเทพ”