ตอนที่ 12
วศินถามว่าทำไมแตนถึงเป็นอย่างนั้น อังกาบบอกว่าก็เพราะข่าวเขากับหนูดีนั่นแหละ วศินบอกว่าปกติแตนอยู่กับตนก็ไม่เห็นเป็นอย่างนั้นปกติดีทุกอย่าง
“แม่ว่าลูกระวังแตนกับคุณหนูดีไว้บ้างก็ดี แม่กลัวว่าแตนจะคิดมากแล้วทำร้ายคุณหนูดีเข้า” วศินติงว่าแตนคงไม่ทำรุนแรงขนาดนั้น “อย่าประมาทความริษยาของผู้หญิงนะ ดูตัวอย่างสุดาวรรณสิ... อีกอย่างคนงานชอบเม้าท์กันว่าแตนไม่ปกติ เคยเห็นแตนไล่ตบคนงานสาวๆที่แอบมองลูกด้วย”
วศินพึมพำว่าทำไมตนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย อังกาบว่าทีแรกตนก็นึกว่าพวกคนงานไม่ชอบเลยเม้าท์แตนให้เสียหาย แต่พอเจอแตนอาละวาดตอนที่เขาไม่อยู่อินปันเลยตัดสินใจเล่าให้แม่ฟัง
วศินบอกว่าต่อไปตนจะระวังขึ้น แล้วขอตัวไปทำงาน พอออกไปก็เจอเรือนแก้วพอดี เรือนแก้วทำเป็นดีใจที่เจอทั้งวศินและอังกาบบอกว่าตนมีเรื่องจะปรึกษา เรื่องแผนการตลาดของร้านเพราะทั้งนายแม่และพ่อเลี้ยงมีประสบการณ์ด้านนี้มาก วศินจึงเชิญไปด้วยความยินดี เรือนแก้วยิ้มสมใจที่ถ่วงเขาไว้ได้สำเร็จ
ที่คอกกวาง หนูดีให้อาหารกวางแต่พอดีอาหารกวางไม่พอคนงานจึงจะไปเอามาเพิ่ม แตนไปเห็นหนูดีอยู่คนเดียวก็ยิ้มสมใจ เข้าไปหลอกหนูดีว่า “พี่วศิน ให้มาพาไปหา” เร่งให้ไปเร็ว เดี๋ยวโดนดุอีก หนูดีจึงขึ้นรถไปกับแตน พอดีคนงานกลับมาเห็นแตนขับรถออกไปอย่างเร็ว สงสัยแต่คิดว่าพ่อเลี้ยงคงให้แตนมาตาม
เรือนแก้วถ่วงเวลาไว้นานพอสมควรแล้ว
จึงขอบคุณและลากลับ อังกาบปรารภกับวศินว่าแปลก เรื่องง่ายๆแบบนี้เอามาปรึกษาเราทำไม วศินก็สงสัยแต่เป็นห่วงหนูดีเลยขอตัวไปก่อน
แตนขับรถออกไปนอกเขตไร่จนหนูดีเริ่มสงสัย พอถามว่านี่ออกนอกเขตไร่แล้วไม่ใช่หรือ ก็ถูกแตนทำเสียงดุใส่ว่าไม่ต้องถาม เดี๋ยวก็รู้เองแหละ
ขณะนั้นเองวินพัตราขับรถมาจากอีกทางกำลังจะเข้าไร่เห็นรถของแตนมีหนูดีนั่งมาด้วยเลี้ยวไปเส้นทางที่จะเข้าป่าโดยทั้งแตนและหนูดีไม่เห็นรถของวินพัตรา
วินพัตราเลี้ยวรถเข้าไร่ไปอย่างไม่คิดอะไร
วศินมาถึงคอกกวางไม่เห็นหนูดี ถามคนงานว่าหนูดีล่ะ คนงานบอกว่าเห็นแตนมารับออกไป นึกว่าพ่อเลี้ยงสั่งเสียอีก วศินเอะใจรีบออกไป เจอวินพัตรามาถึงพอดีถามว่าพ่อเลี้ยงจะไปไหน วศินบอกว่าไปตามหนูดีไม่รู้ว่าไปไหน วินพัตราบอกว่าเมื่อกี๊เห็นหนูดีกับแตนขับรถไปทางเข้าป่าก็แปลกใจ
เหมือนกันว่าไปทำไมกัน
วศินตกใจขอยืมรถวินพัตราก่อนบอกว่าให้ช่วยบอกอินทัชด้วยว่าให้ตามตนไปด้วย วินพัตราถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอวศินบอกว่า “ผมกลัวว่าแตนจะทำร้ายหนูดีน่ะครับ” เธอตกใจรีบเอามือถือกดหาอินทัชทันที พออินทัชรับสายก็บอกว่า “ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ” แล้วอินทัชก็ขึ้นรถ ATV ขับออกไปอย่างเร็ว
แตนแย่งมือถือหนูดีไปแล้วปิดเครื่องทันที หนูดีเอะใจถามว่าเอามือถือตนไปทำไม หรือว่านายวศินไม่ได้สั่งให้มาพาตนไป เธอโกหกใช่ไหม ถามว่าเธอต้องการอะไรแน่?
แตนไม่สนใจ โยนมือถือหนูดีไปไกล สั่งให้เดิน หนูดีขอให้แตนใจเย็นๆ แตนสั่งให้เดินและถือปืนขู่ หนูดีจึงต้องเดินไปตามคำสั่ง พลางก็พยายามหว่านล้อมแตนว่าอย่าทำอย่างนี้เลย
“ถ้าแกไม่คิดกลับมาแย่งพี่วศินไปจากฉันอีก ก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก”
หนูดีบอกว่าตนไม่เคยคิดแย่งวศินจากแตนเลย ตนมาที่นี่ก็เพื่อทำงานใช้หนี้เท่านั้น
“ตอแหล...ฉันไม่เชื่อแกหรอก แกไม่รู้เหรอว่าพี่วศินให้แกมาทำงานใช้หนี้เพราะเขาตั้งใจอยากให้แกมาอยู่ใกล้ๆ เพราะเขาอยากคืนดีกับแก!”
หนูดีทวนคำว่าคืนดี...อย่างแปลกใจ แตนถามว่า
“แกไม่รู้หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่...ฉันรู้ว่าพี่วศินรักแกมาตลอด เขาไม่เคยลืมแกเลย”
“แต่เรื่องของฉันกับพี่วศินมันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว” แตนถามว่าทำไม “ก็เพราะเธอมีลูกกับเขาไม่ใช่เหรอวศินเขาไม่ทิ้งเธอหรอก ท่าทางเขารักลูกจะตาย”
แตนหัวเราะถามว่านี่เธอยังเชื่อหรือว่าตนท้องจริง บอกว่าอองตองเป็นเด็กกำพร้าที่วศินรับมาอุปการะเป็นลูกเท่านั้น หัวเราะเยาะหนูดีว่า
“โง่เอ๊ย...ถ้าฉันมีลูกกับพี่วศินจริงๆ ฉันไม่มานั่งเครียดกลัวเสียเขาไปแบบนี้หรอก” แล้วถามหนูดีที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่า “นี่แม่แกยังไม่ได้บอกแกอีกเหรอ” หนูดีถามว่าแม่ตนรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?
“ใช่ แม่แกกับคุณสุดาวรรณเป็นคนสั่งให้ฉันพูดกับแกแบบนั้น เขาว่าแกจะได้ไปจากพี่วศินสักที แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แกมันโง่ ฉันก็โง่ที่คิดว่าจะทำให้พี่วศินรักได้ แต่ 10 ปีมาแล้วพี่วศินก็ยังรักแก”
หนูดีอึ้งกับความจริงที่รู้จากแตน แตนยังคงสั่งให้หนูดีเดินไปตามทางที่ตนต้องการ
วศินขับรถเข้ามาตามทางจนเจอรถของแตนจอดอยู่จึงลงจากรถจะวิ่งตามไป ก็พอดีอินทัชมาถึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแตนจึงลักพาตัวหนูดีมา วศินบอกไม่รู้ แต่ตอนนี้ให้รีบตามไปก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่ดีมากกว่านี้
อินทัชหยิบปืนมาเหน็บเอวไว้บอกว่าเผื่อไว้
ระหว่างแตนพาหนูดีเดินเข้าป่าไปนั้นก็พูดพล่ามว่าทำไมวศินไม่เคยรักตนเลย ทั้งที่ตนอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา หนูดียืนยันว่าวศินรักแตน
แตนไม่ต้องการความรักแบบน้องที่เขามีให้ หนูดีถามว่าทำไมล่ะ เพราะความรักแบบนั้นคือความรักที่บริสุทธิ์ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงนะ แตนถามว่าไม่เปลี่ยนแปลงจริงเหรอ