ตอนที่ 12
ฝ่ายสุดาวรรณได้รับโทรศัพท์จากม้าเหล็กบอกว่าพวกนั้นกลับเชียงรายไปแล้ว ถามว่าคุณสุจะให้ตนตามไปจัดการพวกมันที่เชียงรายไหม
“ยังก่อน...ฉันไม่ได้กะเอามันให้ถึงตาย แค่ขู่ๆ ไปงั้นแหละ มันกลับไปก็ดีแล้ว แกก็อยู่เงียบๆไปก่อน มีอะไรฉันจะติดต่อไปอีกที” พอม้าเหล็กวางสายก็นึกแปลกใจ “ทำไมมันถึงยอมกลับไปง่ายๆ???”
ooooooo
หนูดีหลับลึกฝันว่าวศินมาบอกข้างหูว่า “อย่าตื่นสายล่ะคุณ” พอตกใจตื่นดูนาฬิกาก็ตกใจเพราะตีห้าสี่สิบห้าแล้ว ลุกพรวดวิ่งไปเข้าห้องน้ำทำทุกอย่างเร็วที่สุด
พอออกไปก็เจอวศินมารออยู่แล้วเขาบอกว่า 6 โมง เลตนะ หนูดีขอโทษ เขาบอกให้รีบตามมา หนูดีเดินตามทำหน้าลิงหลอกเจ้าอย่างหมั่นไส้ พอเขาหันมองก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เขาเร่งให้เร็ว ช้าเดี๋ยวไม่ทัน
ไปถึงไร่ชา...ทิวทัศน์เหมือนในฝัน มีหมอกบางๆ คลุมไร่ชาที่เขียวกว้างจดขอบฟ้าที่มีแสงอาทิตย์ส่องมาเป็นลำสวยงามจนหนูดีพึมพำ “สวยจัง...”
วศินเห็นเธอเคลิ้มกับธรรมชาติที่สวยงามก็ยิ้ม หนูดีถามว่ายิ้มอะไร วศินบอกว่าสงสารคนที่ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่อย่างเธอไม่มีโอกาสได้เจอธรรมชาติสวยแบบนี้
หนูดีมองไปรอบๆไม่มีคนเลย ถามว่าไหนบอกว่าคนงานต้องเก็บใบชากันไง? เขาตอบหน้าตาเฉยว่า
“ใช่...แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
“อ้าว...แล้วคุณให้ฉันตื่นแต่เช้ามาทำไม” เสียงชักขุ่น วศินไม่ตอบแต่เห็นพระเดินมาก็คว้ามือหนูดีวิ่งไปอย่างเร็ว ไปถึงหนูดีจึงเห็นโต๊ะและอาหาร เตรียมไว้ใส่บาตรพร้อมแล้ว
หนูดีถามว่าให้ตนมาแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรกับเขาเนี่ยนะ เขาตอบตัดบทว่าใช่ แล้วพูดสำเนียงเหนือ “นิมนต์ครับ...ตุ๊เจ้า...”
ใส่บาตรเสร็จแล้วหันยิ้มให้กันด้วยจิตใจผ่องแผ้ว แต่พอหนูดีนึกได้ก็หุบยิ้มเดินหนีไปงอนๆ วศินรีบตามถาม
“เห็นไหมล่ะว่าอยู่ที่นี่ตื่นเช้าแล้วมันดียังไง”
หนูดีตอบเสียงขุ่นว่าแต่คุณก็หลอกฉันอยู่ดี
“ผมหลอกตรงไหน ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าคนงานมาเก็บใบชาตอนกี่โมง”
“เจ้าเล่ห์”
“ผมดีใจนะครับ ที่คุณหนูดีมาอยู่ที่นี่กับผม”
หนูดีรู้สึกดีขึ้น พอมองเขาสบตากันจังๆ หนูดีก็เขินไม่รู้ตัว รีบหันมองไปทางไร่ชา วศินมองตามพูดอย่างมีความสุขว่า
“เมื่อก่อนตอนผมมาที่นี่ครั้งแรก ผมชอบมาก เคยคิดว่าถ้าคุณหนูดีได้มาเห็นที่นี่กับผมก็คงจะดี”
หนูดีหันมองหน้าเขาเห็นรอยยิ้มที่จริงใจก็อดยิ้มตอบไม่ได้ บอกว่า
“นั่นสิ...ถ้าฉันได้มาที่นี่กับนายตอนนั้นก็คงจะดี” พูดแล้วรู้ตัวว่าเผลอเรียกเขาว่านายเหมือนเมื่อก่อน แต่วศินยิ้มบอกว่า
“ผมชอบให้คุณเรียกผมแบบนี้มากกว่า มันทำให้นึกถึงเมื่อสิบปีก่อน”
“คงไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเราไม่ได้สนิทกันเหมือนตอนนั้นแล้ว”
วศินหุบยิ้ม ต่างมองหน้ากันด้วยสายตาที่พยายามทำให้นิ่ง...
พอดีเสียงนกหวีดที่อินปันเป่าดังขึ้น คนงานลงจากรถที่ไปรับมา แล้วเริ่มทำงานตามสัญญาณนกหวีด
วศินชี้ไปที่ไร่ชา บอกจำนวนพื้นที่ว่าที่นี่มี 600 ไร่ และอีกอำเภอหนึ่งมีอีกประมาณ 600 ไร่เหมือนกัน เล่าว่าคนงานจะเริ่มเก็บใบชาประมาณ 8 โมงเช้า หนูดีถามว่าตนจะลองเก็บบ้างได้ไหม วศินบอกให้ตามมาทางนี้ แล้วสอนวิธีเก็บใบชาที่ทำให้ใบชามีคุณภาพตามมาตรฐานให้อย่างละเอียด
หนูดีทำตามที่เขาแนะนำทีละขั้นตอนบอกว่าสนุกดีเหมือนกัน แล้วช่วยกันเก็บใบชาอย่างเพลิดเพลินจนอินปันเป่านกหวีด คนงานก็หยุดเก็บใบชาแล้วเอาใบชาที่เก็บได้เดินตามกันไป หนูดีถามว่าเสร็จแล้วหรือ
“ยังหรอกครับ แต่เราจะเก็บชาเป็นรอบๆ รอบละ 45 นาที เพื่อไม่ให้ใบชาถูกกดทับกันจนช้ำ...แล้วคุณอยากรู้ไหมว่าพอเก็บใบชาแล้วเอาไปทำอะไรต่อ”
หนูดีบอกว่าอยากรู้ เขาจึงจูงมือพาเดินไปอีกทางหนึ่ง
ooooooo
วศินพาหนูดีชมไร่ชานับแต่การเก็บใบชา โรงตากชา ห้องผึ่งชา ห้องคั่วชา จนถึงห้องนวดชา อธิบายทุกขั้นตอนอย่างละเอียด หนูดีตื่นเต้นมากกับวิธีการทำชา กว่าจะได้มาชงดื่มกันอย่างหอมชื่นใจจนเป็นที่เลื่องชื่อไปไกล
แตนอยู่ที่บ้าน อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็มาที่โต๊ะอาหาร เห็นเล็กน้อยจัดอาหารให้เพียงที่เดียวก็ถามว่าแล้วพ่อเลี้ยงล่ะ เล็กน้อยบอกว่าพ่อเลี้ยงพาคุณหนูดีไปที่ไร่แต่เช้าแล้ว แตนถึงกับกินอาหารไม่ลงลุกจากโต๊ะไปทันที
พอไปถึงไร่ชาเจออินปันก็ถามว่าพ่อเลี้ยงอยู่ไหน อินปันบอกว่าเมื่อครู่นี้ยังเห็นอยู่เลย ไปไหนเสียแล้ว แตนหงุดหงิดบ่นว่าไม่ได้เรื่องเลย อินปันเห็นอาการหงุดหงิดของแตนที่ตามหาพ่อเลี้ยงก็บ่น...เป็นเอามาก
หลังจากชมไร่ชาและขั้นตอนการผลิตชาแล้ว วศินยังพาไปชิมอาหารที่ทำจากใบชา มีทั้งใบชาทอดกรอบ ยำทูน่าสลัดใบชา สปาเกตตีที่มีส่วนผสมของใบชา พอหนูดีชิมแล้วชมว่าอร่อยจัง วศินบอกว่าเมนูพวกนี้ตนกับแม่เป็นคนช่วยกันคิด บอกให้กินเยอะๆ
แตนเดินหาวศินมาเจอเรือนแก้ว เรือนแก้วถามว่าพ่อเลี้ยงอยู่ไหนแตนบอกว่าตนก็ตามหาอยู่นี่แหละ วินพัตรามาเจอวศินกับหนูดีกำลังนั่งทานข้าวด้วยกันดูมีความสุขก็ไม่พอใจเอามือถือถ่ายรูปส่งไปให้อ้นทันที
อ้นกำลังเดินตรวจงานอยู่ที่โรงแรมมีลลิดากับพนักงานเดินตาม พอเสียงมือถือดังขึ้นเขาหยิบดูเป็นข้อความจากวินพัตราว่า “ฉันเจอพวกเขาแล้วค่ะ” พร้อมกับรูปที่วศินกับหนูดีนั่งทานข้าวด้วยกันอย่างสนิทสนม